อาคารโรงเรียนบ้านหนองบัว ผลงานออกแบบจากสถาปนิกไทย ที่คว้ารางวัลระดับโลก The Architizer A+Awards
"Baan Nhong Bua School"
(โรงเรียนบ้านหนองบัว)
หนึ่งในอาคารเรียนทั้งหมด ของโรงเรียนบ้านหนองบัวหลังนี้ เป็นผลงานการออกแบบของ Junsekino Architecture & Design และที่สำคัญเป็นโปรเจคที่ได้รับรางวัลในสาขา Institutional-Primary & High Schools จาก Architizer A+ Awards ครั้งที่ 5 ในนครนิวยอร์ก ซึ่งถือเป็นอีกเวทีใหญ่ด้านการออกแบบที่รวบรวมผลงานด้านการออกแบบจากทั่วโลก นับเป็นอีกความภูมิใจของคนไทยที่สถาปนิกไทยได้ก้าวไปสู่เวทีระดับโลก
ที่มาของโปรเจคนี้ เกิดจากการแก้ปัญหาเพื่อรองรับการใช้งานในอนาคต
หลังจากการเกิดแผ่นดินไหวเมื่อปี 2014 ทำให้โรงเรียนหลายแห่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว จึงเกิดการร่วมมือของสถาปนิก 9 ท่าน หนึ่งในนั้นก็คือ Junsekino Architecture & Design มาทำงานร่วมกันกับ Design for Disasters และ บ้านพอดี พอดี เกิดเป็นโครงการที่เริ่มต้นด้วยใจ ได้ทำการก่อสร้างอาคารเรียนเร่งด่วนทั้ง 9 แห่งขึ้นมา
นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการประสานงานกับทาง สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ สถาปนิกล้านนา วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมถ์ และหน่วยงานต่างๆมากมายที่พร้อมให้ความช่วยเหลือและการสนับสนุน เช่น เครือข่ายการจัดการภัยพิบัติภาคประชาชน จ.เชียงราย สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) และรายการสารคดีทางด้านการออกแบบ DOTV รวมถึงขอแรงกาย แรงใจจากคนในพื้นที่ ให้ช่วยกันก่อสร้างอาคารเรียนเร่งด่วนหลังนี้ให้กับน้องๆนักเรียน โดย ท่าน ว วชิรเมธี เป็นผู้มอบทุนการก่อสร้าง ซึ่งเป็นเงินบริจาคมาจากประชาชน
แนวคิดในการออกแบบที่อยู่บนพื้นฐานความพอดี
ออกแบบโดยใช้แนวคิด "บ้านพอดี พอดี" คือ ประหยัด สร้างง่ายและไวในการออกแบบจึงมุ่งตรงไปที่การแก้ปัญหาของโครงการ ไม่เน้นความสวยงาม หากเน้นไปที่ประโยชน์การใช้งานมาเป็นอันดับแรก
แนวคิดในการออกแบบรูปทรงทางสถาปัตยกรรม
มีความคล้ายกันกับแนวทางในการออกแบบคือการตอบโจทย์ของพื้นที่ที่จำกัดจะเน้นไปที่การแก้ปัญหา การจัดการกับโปรแกรมมิ่ง ทั้งนี้ความแตกต่างของโรงเรียนในเมืองกับโรงเรียนต่างจังหวัดโดยส่วนมากนั้นโรงเรียนต่างจังหวัดจะมีความเป็นอเนกประสงค์ คือสามารถใช้ทำหน้าที่ได้หลายอย่าง และยิ่งเป็นโรงเรียนสำหรับเด็ก ฟังก์ชั่นที่เกิดขึ้นจึงต้องสอดคล้องกับกิจกรรมที่เด็กทำ ไม่ว่าจะใช้เป็นห้องเรียน ,ห้องเล่น และยังสามารถเก็บของได้
เนื่องจากเมืองไทยเป็นประเทศที่มีภูมิอากาศร้อนชื้น มีแดด,ลม และฝน เกิดขึ้นในช่วงแต่ละฤดูกาล ดังนั้นจึงได้มีการแก้ปัญหาเกี่ยวกับในช่วงแต่ละฤดูด้วย เช่นแก้ปัญหาป้องกันน้ำท่วมในช่วงหน้าฝนที่มีน้ำเยอะ ด้วยการยกพื้นสูง ในฤดูหนาวที่มีลมแรงต้องการแสงแดดเพื่อให้ความอบอุ่น อีกทั้งยังช่วยเรื่องการประหยัดไฟได้ด้วย คือใช้ไฟน้อยแต่ให้ความสว่างที่สุด
วัสดุที่เลือกใช้ต้องเรียบง่าย ใช้งานได้ดี และไม่แปลกแยกกับบริบทโดยรอบ
มีการเลือกวัสดุที่ดูไม่แปลกแยก และมีความแตกต่างไปจากบริบทของพื้นที่ เน้นความเหมาะสมเป็นสำคัญ นอกจากจะมีการบริหารจัดการกับวัสดุที่ได้มาแล้ว เช่น เหล็ก ,แผ่นซีเมนต์บอร์ด และแผ่นมุงหลังคา ทั้งนี้ผู้ออกแบบยังได้เลือกใช้ไม้ไผ่ซึ่งเป็นวัสดุที่ได้มาจากพื้นที่ในชุมชน เกิดการผสมผสานระหว่างวัสดุที่เรียบง่ายกับวัสดุในท้องถิ่น ถ่ายทอดออกมาเป็นงานดีไซน์ที่สื่อถึงความตรงไปตรงมาในแง่ของฟังก์ชันและภาษาของวัสดุนั้นๆ
โปรเจคนี้ให้คุณภาพชีวิตที่ดีต่อผู้ใช้งานอย่างไร?
นอกจากจะตอบโจทย์ด้วยการแก้ปัญหาพื้นที่การใช้งานโดยตรงแล้ว โรงเรียนแห่งนี้ยังเปรียบเสมือนบ้านและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเด็กๆ มีคุณค่าต่อจิตใจ อีกทั้งด้วยเจตนารมณ์ของผู้ที่มอบทุนสำหรับการก่อสร้างเป็นสิ่งที่ดีมาก ทำให้เกิดความรู้สึกมีความสุขกับตัวผู้ออกแบบเองด้วย
เหตุผลที่ผู้ออกแบบคิดว่ามีผลต่อการได้รับรางวัลคือ?
มีวัตถุประสงค์ในการออกแบบชัดเจน ตรงไปตรงมา ซึ่งจะเป็นการให้ความสำคัญกับการใช้งานมาก่อนรูปทรงหรือความสวยงามของตัวอาคาร ไม่จำเป็นต้องซับซ้อนและใช้วัสดุราคาแพง ก็สามารถสร้างสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่าได้
ผู้ออกแบบ : คุณจูนเซคิโน และคุณกมลชนก สมสร้าง
ที่อยู่โปรเจค : โรงเรียนบ้านหนองบัว หมู่ที่ 20 ต.พาน อ.พาน จ.เชียงราย
รูปภาพประกอบโดย : Spaceshift Studio
#Wazzadu #Decorativesocialplatform #JunsekinoArchitecture&Design #BaanNhongBuaSchool
#ArchitizerA+Awardsครั้งที่5 #Institutional-Primary&HighSchools #AStoryofanordinarygal #INSPIRESPECTIVE
ผู้เขียนบทความ