หลักการเลือกใช้วัสดุในการออกแบบโรงพยาบาล (Material Specification for Hospital Design)

การออกแบบโรงพยาบาล หรือ อาคารสถานบริการสุขภาพนั้นแตกต่างจากอาคารทั่วไป เพราะเป็นพื้นที่ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับชีวิต ความปลอดภัย และสุขภาพของผู้คน ทั้งผู้ป่วย บุคลากร และผู้มาเยือน โดยมีการออกแบบที่ครอบคลุมหลายประเด็น ตั้งแต่ประเด็นด้านการแบ่งพื้นที่เพื่อควบคุมด้านความสะอาดและป้องกันการติดเชื้อ, ความสัมพันธ์ของการวางพื้นที่ห้องและส่วนประกอบด้านต่าง ๆ, ระบบสนับสนุนพิเศษ (MEP Systems) เช่น จำเป็นต้องมีระบบไฟฟ้าสำรอง 24 ชั่วโมง, แก๊สทางการแพทย์ มาตรฐานและกฎหมายเฉพาะ เป็นต้น 

รวมไปถึงการเลือกใช้วัสดุที่ต้องคำนึงถึงสุขภาวะของผู้ใช้อาคาร เนื่องจากโรงพยาบาลเป็นสถานที่ ที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรค เพราะมีคนที่เข้าใช้งานต่อวันเป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังมีผู้ป่วยที่เสี่ยงติดเชื้อได้ง่ายกว่าที่อื่น วันนี้ Waazadu Encyclopedia ได้นำองค์ความรู้ด้านการเลือกใช้วัสดุสำหรับการออกแบบโรงพยาบาลและอาคารสถานบริการสุขภาพมาฝากกันครับ

ตามหลักคู่มือการออกแบบอาคารสถานบริการสุขภาพและสภาพแวดล้อมนั้นแบ่งประเภทของวัสดุในงานสถาปัตยกรรมตามองค์ประกอบเชิงระนาบ  โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น  3  ประเภท คือ  

1. วัสดุตกแต่งผิวพื้น

2. วัสดุตกแต่งผิวผนัง

3. วัสดุตกแต่งฝ้าเพดาน

เกณฑ์การพิจารณาเลือกใช้วัสดุให้เหมาะสมและถูกต้องกับการใช้งาน

  • การเลือกใช้วัสดุนั้นต้องเริ่มจากวัตถุประสงค์ ของการใช้งานในส่วนนั้น ๆ ก่อน โดยจะต้องพิจารณาถึงผลดี ผลเสียที่เกิดขึ้นจากการใช้งาน หรือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวม เช่น
  • ห้องผ่าตัดเป็นพื้นที่ที่ต้องการความสะอาด ปลอดเชื้อ วัสดุที่นำมาใช้จึงต้องไม่มีรอยต่อหรือมีรอยต่อน้อยที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นที่ฝังตัวของเชื้อโรค  
  • เลือกใช้วัสดุที่ทนกรด ทนด่าง ในพื้นที่ที่มีสารสังเคราะห์ เช่น  ห้องปฏิบัติการทางเคมี
  • การใช้วัสดุที่ไม่ก่อให้เกิดเสียงดังรบกวนผู้ป่วย
  • การเลือกใช้วัสดุโดยรวม จะต้องคำนึงถึงอันตรายที่อาจเกิดกับผู้ใช้อาคารโดยเฉพาะผู้ป่วย เช่น ความลื่นของพื้นผิว การดูแลรักษา การทำความสะอาด  ความมั่นคงแข็งแรง และง่ายต่อการซ่อมแซม ฯ

หลักการเลือกวัสดุในการออกแบบโรงพยาบาล

1.เลือกใช้วัสดุที่ทนทานและง่ายต่อการบำรุงรักษา (Durable and Low-maintenance materials)

วัสดุที่เลือกใช้ควรมีความทนทานต่อการใช้งานหนัก เช่น พื้นผิวที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนจากการเข็นรถเข็นหรือเตียงผู้ป่วย หรือพื้นผิวที่ทำความสะอาดง่ายเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค เพิ่มความปลอดภัยต่อสุขภาพ

2.การสร้างสภาวะอากาศที่ดี (Ventilation)

วัสดุควรมีกลิ่นอ่อนและปลอดสารระเหยที่เป็นพิษ (VOCs) ช่วยส่งเสริมสภาวะอากาศที่ดี เพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจของผู้ป่วยและบุคลากร

3.สุนทรียศาสตร์และบรรยากาศ (Intentionality of Color)

การเลือกใช้สีมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการสร้างบรรยากาศ ควรเลือกสีที่ช่วยสร้างสภาวะสบายตาและปลอบประโลมจิตใจ การเลือกใช้สีในโรงพยาบาลจึงต้องรักษาความสมดุลระหว่างความสะอาด ความสงบ และความอบอุ่น เพื่อสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการรักษาและการฟื้นตัว

4.การเลือกวัสดุที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นมิตร (Healing & Friendly Atmosphere)

การเลือกวัสดุที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น นุ่มนวล ไม่เย็นแข็งแบบหิน หรือ โลหะ จะช่วยให้ผู้ป่วยรวมถึงผู้ใช้งานในโรงพยาบาลรู้สึกผ่อนคลายและลดความเครียดจากสภาพแวดล้อมในโรงพยาบาล ตัวอย่างเช่น

  • การเลือกใช้วัสดุที่เลียนแบบธรรมชาติ (Biophilic materials) เช่น ไม้จริง ซึ่งใช้ได้ในพื้นที่ไม่ต้องฆ่าเชื้อบ่อย เช่น พื้นที่รอคอย, ห้องพักญาติ
  • เลือกใช้วัสดุลายไม้ (วัสดุเลียนแบบ) เช่น  ไวนิล, LVT, ลามิเนต, กระเบื้องพิมพ์ลายไม้ ในพื้นที่ที่ทำความสะอาดง่ายและทนสารฆ่าเชื้อ
  • ใช้วัสดุ Soft-touch เช่น ผ้าและสิ่งทอแบบ healthcare grade (เช่น ผ้าม่าน, เบาะนั่งเคลือบ antimicrobial, ผ้ากันเปื้อน PVC ที่เช็ดได้)
  • ลดการใช้ผิวที่เย็นแข็งทั้งหมด (สแตนเลส,กระจก) โดยผสมกับวัสดุที่ให้ความสัมผัสนุ่ม
  • เลือกใช้วัสดุสีอ่อน เช่น โทนสีเบจ ครีม น้ำตาลอ่อน ทำให้รู้สึกอบอุ่นมากกว่าสีขาวล้วน (ซึ่งทำให้รู้สึกเย็น ว่างเปล่าและความเจ็บป่วย)

5.วัสดุโปร่งแสงและธรรมชาติ (Translucent Materials & Biophilic Design)

การดึงธรรมชาติมาเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบนั้นช่วยยกระดับสุขภาวะของผู้ใช้งานอาคารเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีงานวิจัยที่ออกมายืนยันว่า การมีพื้นที่สีเขียว มีความปลอดโปร่ง อากาศหมุนเวียน ไม่แออัด จะช่วยลดความเครียด โดยเฉพาะในพื้นที่รอเข้ารับการรักษา ที่ต้องรอนานท่ามกลางบรรยากาศของโรงพยาบาลอาจทำให้จิตใจหม่นหมอง หากมีแสงธรรมชาติส่องถึง หรือมีวิวต้นไม้สีเขียวจะทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้น

ในพื้นที่พักฟื้นเอง หากผู้ป่วยได้เห็นวิวธรรมชาติจะสามารถช่วยลดความเครียดได้ เมื่อผู้ป่วยมีสุขภาพจิตใจดี ร่างกายก็จะฟื้นฟูได้เร็วขึ้น ทั้งนี้มีข้อควรระวัง คือ การมีแสงสาดเข้ามามากเกินไปจะทำให้อุณหภูมิภายในสูงตาม อีกทั้งในบางพื้นที่ไม่สามารถเปิดหน้าต่างให้อากาศระบายได้ ควรพิจารณาปรับเปลี่ยนไปตามบริบท เช่น ใช้ม่านช่วยกรองแสง เป็นต้น รวมถึงควรเลือกใช้กระจกหรือวัสดุโปร่งใสที่มีคุณสมบัติกรอง แสง UV และทำความสะอาดได้ง่าย

6.วัสดุที่ลดเสียงสะท้อน (Acoustic materials)

เลือกฝ้าเพดาน หรือ ผนัง Acoustic Panels ที่เคลือบผิวเพื่อให้สามารถทำความสะอาดได้ ทนสารฆ่าเชื้อได้ ทั้งนี้ควรเลือกวัสดุซับเสียงให้ดี เพราะบางชนิดทำความสะอาดง่าย เช่น Metal Perforated, Vinyl-Faced ฯ  ซึ่งเหมาะกับโรงพยาบาล แต่บางชนิดอย่างใยแร่ หรือ ผ้าหุ้มนั้นซับเสียงดีแต่ ไม่เหมาะกับโรงพยาบาล เพราะเช็ดทำความสะอาดยากและไม่ทนสารฆ่าเชื้อ และแม้จะใช้ในโรงพยาบาลได้ก็ยังคงต้องพิจารณาไปตามบริบท เช่น

  • วัสดุซับเสียงผิวเคลือบ PVC/ไวนิล มีคุณสมบัติที่เช็ดทำความสะอาดง่าย กันชื้น กันคราบเลือดหรือสารคัดหลั่งได้ มีน้ำหนักไม่มากติดตั้งง่าย สามารถใช้ได้กับห้องพักผู้ป่วย, ห้อง ICU, corridor ฯ

วัสดุซับเสียงช่วยดูดซับและลดการสะท้อนของเสียง ทำให้บรรยากาศโดยรวมเงียบลง ลดเสียงก้องและเสียงสะท้อนในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ห้องพักผู้ป่วย, แผนกฉุกเฉิน หรือห้องตรวจ ช่วยให้ผู้ป่วยพักผ่อนและฟื้นตัวได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์

7.การใช้วัสดุกันกระแทก (Protection System)

  • วัสดุกันกระแทกเป็นวัสดุที่สำคัญอย่างมากในงานออกแบบโรงพยาบาล 
  • ช่วยป้องกันรอยและลดการเกิดรอยบนผนังในโรงพยาบาล เพราะตัวผนังในโรงพยาบาล มักถูกกระแทกจากเตียง หรือ รถเข็นผู้ป่วยเป็นประจำ
  • ช่วยยืดอายุการใช้งานของผนังและลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม
  • ลดความเสี่ยงจากการชนมุมผนัง หรือ ตอนล้มลงกับพื้น โดยเฉพาะผู้ป่วยสูงอายุ เด็ก และผู้ที่มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว
  • เสริมภาพลักษณ์และความเป็นมืออาชีพของโรงพยาบาล ช่วยให้พื้นที่ดูเรียบร้อย สวยงาม และทันสมัย ผู้ที่เข้ามาใช้บริการเกิดความมั่นใจว่ามีการคำนึงถึงความปลอดภัยและคุณภาพ

ตัวอย่างวัสดุกันกระแทก

  • เบาะกันกระแทก (Safety padding) มีคุณสมบัติเด่น คือ นุ่มมาก ลดแรงกระแทกได้ดี ช่วยป้องกันการบาดเจ็บจากการล้มหรือชน บริเวณที่มักจะนำไปใช้ เช่น ผนังห้องเด็ก, ห้องกายภาพบำบัด, พื้นที่พักผ่อนผู้ป่วย ฯ
  • PVC (Polyvinyl Chloride) ทนทานต่อแรงกระแทกและรอยขีดข่วน ทำความสะอาดง่าย ทนต่อสารเคมีและน้ำยาฆ่าเชื้อ ช่วยป้องกันผนังจากการชนของรถเข็นและเตียง มักถูกนำไปใช้บริเวณโถงทางเดิน, ห้องพักผู้ป่วย, บริเวณลิฟต์ ฯ
  • พื้นไวนิล (Vinyl Safety Floor) มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยซับแรงกระแทก ลดการบาดเจ็บจากการลื่นล้มหรือการหกล้ม กันลื่นได้ดีกว่าพื้นทั่วไป จึงเหมาะกับผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่เดินไม่มั่นคง มีลักษณะพื้นผิวเรียบ ทำความสะอาดง่าย ไม่สะสมฝุ่นและเชื้อโรค อีกทั้งยังทนต่อสารเคมีและน้ำยาฆ่าเชื้อที่ใช้ในโรงพยาบาล สามารถนำไปใช้ในห้องพักผู้ป่วย, ทางเดินในโรงพยาบาล, ห้องกายภาพบำบัด, พื้นที่ทำกิจกรรมสำหรับเด็กหรือผู้สูงอายุ, ห้องพักฟื้นหลังการผ่าตัด ฯ
  • Corner Guard อุปกรณ์ป้องกันการกระแทกมุมผนังและเสา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากรถเข็นและเตียงพยาบาล เพื่อป้องกันความเสียหายของผนังและรักษาความปลอดภัย วัสดุทั่วไปมีโครงเป็นอลูมิเนียมหุ้มด้วย PVC ซึ่งมีความแข็งแรงและยืดหยุ่น โดยมีคุณสมบัติที่ไม่ลามไฟและต้านแบคทีเรีย เหมาะสำหรับสำหรับบริเวณทางเดินที่มีการสัญจรมาก หรือมีโอกาสถูกกระแทกจากการเข็นเตียงอย่างเร่งรีบ เป็นต้น
  • Wall Guards ช่วยกันกระแทกผนังภายในโรงพยาบาลและเป็นราวจับช่วยพยุงตัวผู้ป่วย ควรมีคุณสมบัติยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและได้รับการรับรอง Green Guard Gold (มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับสถานพยาบาล) การติดตั้ง Wall guards แนะนำให้มีการติดตั้งที่ความสูง 2 ระดับนั่นคือ ระดับล่างสูงจากพื้นประมาณ 20 cm. และระดับบนสูงจากพื้นประมาณ 80 cm. เพื่อกันรอยที่เกิดจากล้อด้านล่าง และรอยที่จะเกิดจากขอบเตียงนั่นเอง
  • Handrails เป็นราวจับและกันกระแทกสำหรับติดผนังภายในอาคารระหว่างทางเดิน ออกแบบมาตามหลักสรีระศาสตร์ เมื่อติดตั้งแล้วจะมีระยะที่เว้นห่างออกมาจากผนังให้มือจับได้ ทำหน้าที่เป็นราวจับและกันกระแทกไปในตัว ติดตั้งเฉพาะระดับความสูงที่ 80 cm. ซี่งเป็นระยะที่เหมาะสมกับการใช้งาน โดยสามารถติดตั้งคู่กับ Wall guards เพื่อป้องกันการเกิดรอยด้านล่างได้
  • Rigid vinyl sheet แผ่นปิดกันกระแทกผนังภายใน เป็นวัสดุสำหรับใช้ปิดบนผิวผนังบริเวณที่มีการสัญจรไปมาสูง หรือบริเวณที่วางเก้าอี้หรือเฟอร์นิเจอร์อื่นๆชนกับผนัง เพื่อป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนที่จะเกิดขึ้นบนผนัง ทำจากไวนิลแผ่นบางชนิดแข็ง (Rigid Vinyl) มีลักษณะเป็นแผ่นบางประมาณ 2 mm.

ทั้งหมดนี้คือข้อกำหนดมาตรฐานสำหรับโรงพยาบาล หรือ สถานพยาบาลปกติ ในบางกรณีอาจมีการออกแบบที่มีความเฉพาะเจาะจงในการใช้ หรือ พื้นที่การใช้งานพิเศษนอกเหนือจากฟังก์ชันโรงพยาบาลแบบปกติ ซึ่งอาจมีการใช้วัสดุสั่งผลิตพิเศษ ที่ให้ประสิทธิภาพสูงกว่าวัสดุมาตรฐานนั่นเองครับ

 

อ้างอิง

▪️คู่มือการออกแบบอาคารสถานบริการสุขภาพและสภาพแวดล้อม
▪️มาตรฐานรายการวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง 2561

แพลตฟอร์ม และเครื่องมือสำหรับการออกแบบตกแต่งบ้าน และงานสถาปัตยกรรม
โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ ตั้งแต่ สถาปนิก แบรนด์สินค้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ...

บทความอื่นๆ จากผู้เขียน

โพสต์เมื่อ

โพสต์เมื่อ

ไอเดียมาใหม่

โพสต์เมื่อ

โพสต์เมื่อ

โพสต์เมื่อ

บทความที่เกี่ยวข้อง

...

โพลสำรวจ

ถาม-ตอบ

Wazzadu.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของคุณ