บ้านเย็นโดยไม่พึ่งแอร์ ด้วยการออกแบบสภาวะน่าสบาย (Comfort Zone)

ใครต่อใครน่าจะเคยได้ยินคำว่าสภาวะน่าสบาย ไม่ก็สภาวะอยู่สบายกันมาบ้างไหมครับ แล้วหน้าตาของการออกแบบที่เรียกลักษณะนี้เป็นอย่างไร วันนี้ Wazzadu Low Carbon Material Library เลยขอยกเคสตัวอย่างของการออกแบบบ้านในประเทศไทยเพื่ออิงจากภูมิประเทศที่ร้อนชื้นให้เห็นภาพมากที่สุด มาดูกันว่าการออกแบบบ้านที่มีสภาวะน่าสบายจะเป็นยังไงครับ

อย่างแรกเลยมารู้จักกับ “สภาวะน่าสบาย (Comfort Zone)” กันก่อน

สภาวะน่าสบาย คือ การออกแบบสถาปัตยกรรมให้มีช่วงอุณหภูมิและความชื้นของอากาศภายในอาคาร ให้เกิดความรู้สึกที่อยู่แล้วสบาย ไม่ร้อนและไม่หนาวเกินไป เป็นสภาวะการอยู่อาศัยที่ร่างกายไม่ต้องปรับตัวเพื่อเพิ่มหรือลดอุณหภูมิใดๆ โดยค่าของอุณหภูมิและความชื้นที่ทำให้รู้สึกสบายจะแปรเปลี่ยนไปตามลักษณะภูมิประเทศ สภาพแวดล้อม และความคุ้นชินของผู้คนที่มีต่อสภาพอากาศ ซึ่งปัจจัยหลักที่มีผลต่อสภาวะน่าสบายมี 4 ปัจจัยด้วยกัน คือ

1. อุณหภูมิของอากาศ (Temperature)

สำหรับอุณหภูมิของอากาศในเขตร้อนชื้นจะให้รู้สึกสบาย เมื่ออยู่ระหว่าง 23.3–29.4 องศาเซลเซียส

 

2. ความชื้นสัมพัทธ์ (Relative humidity)

ความชื้นสัมพัทธ์ หมายถึง ความชื้นในอากาศที่มีผลต่อความสามารถในการระบายเหงื่อ โดยปริมาณความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศที่เหมาะสมต่อสภาวะน่าสบายของคนอยู่ที่ร้อยละ 30-70

 

3. ความเร็วลมที่มาปะทะร่างกาย (Air movement)

ลมที่ผัดผ่านร่างกายจะช่วยระบายร้อนออกจากร่างกาย เนื่องจากช่วยเพิ่มกระบวนการคายน้ำของร่างกายทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายลดลง สภาวะน่าสบายจะเกิดขึ้นเมื่ออยู่ภายใต้ความเร็วลม 0.25 – 1.00 เมตรต่อวินาที

 

4. อุณหภูมิเฉลี่ยของพื้นผิวโดยรอบ (Mean Radiant Temperature, MRT) 

ค่า MRT ก็คือค่าเฉลี่ยของปริมาณรังสีความร้อนที่แผ่มาจากพื้น ผนัง เพดาน และวัตถุรอบตัว แล้วมีอิทธิพลต่อสภาพแวดล้อมนั้นๆ เมื่อค่า MRT เพิ่มขึ้นหรือลดลง 1 องศาเซลเซียส ก็จะส่งผลให้มนุษย์รู้สึกร้อนขึ้นหรือเย็นลง ประมาณ 1.4 องศาเซลเซียส​

แล้วการออกแบบให้เกิดสภาวะน่าสบายทำยังไง?

วันนี้ขอแชร์เคสจากโครงการบ้านที่ต้องการสร้างบ้านอบอุ่นทั้งการอยู่อาศัยและการมีพื้นที่ให้สมาชิกในบ้านได้ทำกิจกรรมร่วมกันภายใต้บ้านหลังเดียวกัน และนี่คือ “บ้านบ้าน วิภาวดี 20” โครงการที่อยู่อาศัยระดับ Luxury ในย่านวิภาวดี-จตุจักร ที่พัฒนาโดยบริษัท ไรส์ซิ่ง พลัส ดิเวลล็อปเม้นท์ จำกัด และออกแบบโดย spacetime architects ด้วยแนวคิดการออกแบบที่ผสานความเป็นไทยร่วมสมัยเข้ากับการใช้ชีวิตในเมืองร้อนชื้นอย่างลงตัวครับ

 

ภายใต้การออกแบบที่บ้านบ้าน แต่ยกระดับคุณภาพชีวิตให้อย่างเต็มอิ่ม และอยู่อย่างสุขสบายในบ้านที่อบอุ่น มาดูกันว่าไฮไลท์ของที่นี่มีจุดไหนบ้าน

 

1. เย็นสบายด้วยภูมิปัญญาไทย
แนวคิดหลักของโครงการนี้คือ การออกแบบที่เข้าใจบริบทภูมิอากาศร้อนชื้นแบบไทย โดยนำแนวคิด “เรือนใต้ถุนสูง” มาประยุกต์ใช้กับบ้านสมัยใหม่ ตัวบ้านยกพื้นสูงช่วยระบายความร้อนจากพื้นดิน ขณะที่ชายคาที่ยื่นยาวและหน้าต่างขนาดใหญ่หลายทิศทางช่วยรับลมและลดการสะสมความร้อนในอาคาร ทั้งหมดนี้เป็นองค์ประกอบของ Passive Cooling Design ที่ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ร่างกายรู้สึกสบาย ไม่ร้อน/ไม่หนาว โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศมากนัก

 

2. Passive Design คือ หัวใจของการอยู่อย่างสุขสบาย
ต่อเนื่องจากข้อแรก หากวางทิศทางอาคารให้เหมาะสม การออกแบบช่องเปิดเพื่อการไหลเวียนของอากาศ และการวางต้นไม้ในแนวลม ล้วนเป็นกลยุทธ์ของ Passive Design ที่ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกเย็นสบายโดยไม่ต้องเปิดแอร์ตลอดเวลา โครงการนี้ใช้ธรรมชาติเป็นกลไกหลักในการควบคุมอุณหภูมิภายในบ้าน จึงสอดคล้องกับนิยามของ สภาวะน่าสบายที่ต้องการให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกพึงพอใจกับอุณหภูมิรอบตัวแบบที่อยู่แล้วสบายนั่นเอง

 

3. ใช้วัสดุธรรมชาติเพื่อการอยู่สบายระยะยาว
อีกจุดแข็งของโครงการคือเลือกใช้วัสดุธรรมชาติ โดยเฉพาะไม้มาเป็นองค์ประกอบหลักในงานตกแต่งภายใน นอกจากให้ความรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายตามหลักจิตวิทยาสีและผิวสัมผัสแล้ว ยังสะท้อนแนวทาง Circular Design ที่เน้นวัสดุทนทาน ใช้งานได้นาน และลดการเปลี่ยนแปลงวัสดุในอนาคต ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการลดการปล่อย Embodied Carbon ที่มักแฝงอยู่ในวัสดุก่อสร้าง

 

4. บ้านที่เติบโตไปพร้อมครอบครัว

นอกจากนี้ โครงการยังให้ความสำคัญกับความอยู่สบายในชีวิตจริง ผ่านการออกแบบพื้นที่ที่ยืดหยุ่น เช่น พื้นที่ Semi-Outdoor, ห้องอเนกประสงค์ที่ปรับฟังก์ชันได้ตามการใช้งานของสมาชิก และการเตรียมโครงสร้างสำหรับลิฟต์ในอนาคตเพื่อผู้สูงวัย แสดงถึงการมองบ้านเป็นพื้นที่ร่วมของครอบครัวทุกช่วงวัย ไม่ใช่แค่บ้านที่ “อยู่ได้” แต่ต้อง “อยู่ดี” และ “อยู่ได้นาน” ไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของชีวิต

 

เห็นแบบนี้แล้ว Wazzadu Low Carbon Material Library ก็มองไปถึงการออกแบบที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องของดีไซน์ที่สวยหรือใช้วัสดุพรีเมียม แต่ต้องเข้าใจความอยู่สบายของคนทั้งในมิติของร่างกาย จิตใจและการใช้ชีวิต จนทำให้บ้านไม่ใช่แค่ที่พักอาศัย แต่คือพื้นที่ที่ทำให้ทุกคนอยู่แล้วสบายใจ อยู่แล้วสบายกายอย่างแท้จริงครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก :

citycracker.co

www.home.co.th

risc.in.th

.

ขอบคุณรูปประกอบจาก :

www.baanbaan.in.th

Wazzadu Low Carbon Material Library คือ ห้องสมุดวัสดุคาร์บอนฯ ต่ำ สำหรับงานสถาปัตยกรรม ที่รวบรวมความรู้และสเปควัสดุคาร์บอนฯ ต่ำ ทั้งจากนักวิจัย, สตาร์ทอัพ และผู้ผลิต เพื่อให้สถาปนิกและเจ้าของโครงการสามารถเลือกใช้สเปควัสดุคาร์บอนฯ ต่ำ สำหรับนำไปออกแบบอาคาร หรือ งานสถาปัตยกรรมเพื่อความยั่งยืนได้ ช่วยสร้างความมีส่วนร่วมในการเร่งสถาปัตยกรรมคาร์บอนต่ำให้เกิดขึ้น โดยเร็วเพื่อช่วยลดการแก้ปัญหาโลกร้อน

ด้วยการเกณฑ์การประเมินคาร์บอนฯ ที่แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. Low Carbon CFO (Carbon Footprint for Organization) : การประเมิน carbon footprint ขององค์กร
2. Low Carbon CFP (Carbon Footprint of Product) : การประเมิน carbon footprint ของผลิตภัณฑ์

ทั้งนี้เพื่อผลักดันให้ผู้ผลิตและผู้พัฒนาวัสดุที่มีความมุ่งมั่นในการลดคาร์บอนจากวัสดุที่จำหน่าย มุ่งสู่เส้นทาง Low Carbon material ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทางโครงการมีการแบ่งเฟสที่บอกระดับว่าแต่ละองค์กรอยู่ที่จุดไหนแล้วบ้าง ได้แก่

Phase 1 : Committed เข้าร่วมโครงการ Wazzadu Low Carbon Material Library สู่เส้นทาง Low Carbon
Phase 2 : On-Track ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
Phase 3 : Achieved สามารถปล่อยคาร์บอนฯ ต่ำได้แล้วเมื่อเทียบจากครั้งก่อนๆ

หวังว่าห้องสมุดที่รวมวัสดุคาร์บอนฯ ต่ำนี้จะช่วยให้ทุกท่านได้พบกับวัสดุที่สามารถใช้ออกแบบให้เกิดเป็นสถาปัตยกรรมคาร์บอนต่ำได้จริง ...
...

โพลสำรวจ

ถาม-ตอบ

Wazzadu.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของคุณ