การออกแบบสถาปัตยกรรมตาม Passive Design คืออะไร? แนวคิดที่คำนึงถึงสุขภาวะของคนและการประหยัดพลังงานของอาคาร
เราพูดถึงแนวคิดการออกแบบสถาปัตยกรรมที่อาศัยธรรมชาติและสภาพแวดล้อมภายนอกอาคารกันมาสักพักแล้วนะครับ เพื่อมองหาวิธีที่จะช่วยออกแบบสถาปัตยกรรม ออกแบบอาคาร สำหรับการส่งเสริมด้านสุขภาวะความเป็นอยู่อาศัยของผู้คนให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยไม่สร้างผลกระทบกับธรรมชาติ ทั้งในแง่ของการใช้ทรัพยากร การพยายามปรับลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตลอดจนแนวทางที่จะช่วยลดการใช้พลังงานต่างๆ ภายในอาคาร
Wazzadu Low Carbon Material Library ได้ค้นหาองค์ความรู้ด้านการออกแบบจากหลากหลาย case study จนมาพบกับการออกแบบสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า “Passive Design” และคิดว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นไกด์ไลน์ให้กับพวกเราเพื่อช่วยแก้ปัญหาด้านงานออกแบบว่าจะทำอย่างไรให้ออกแบบอาคารมาแล้วต้องลดคาร์บอน ต้องลดการใช้พลังงาน แต่ต้องไม่ลดคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้อยู่ในอาคารครับ
ถ้าอย่างนั้น เรามาดูกันว่าแนวคิดนี้จะช่วยอย่างไรได้บ้าง
การออกแบบสถาปัตยกรรมตาม Passive Design คืออะไร?
Passive Design เป็นการออกแบบสถาปัตยกรรมให้สอดรับกับบริบทโดยรอบ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การจัดวาง layout ของพื้นที่, การออกแบบรูปทรงของอาคาร, การควบคุมอุณหภูมิ, การให้แสงสว่าง, การระบายอากาศ ตลอดจนการใช้สภาพแวดล้อมจากทำเลที่ตั้งให้เป็นประโยชน์ เป็นวิธีที่เน้นใช้ประโยชน์จากบริบทแวดล้อมให้เกิดความรู้สึกสบายตัวในการอยู่อาศัย โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องจักรกลต่างๆ ที่ต้องใช้พลังงานสำหรับ Operation กิจกรรมภายในอาคาร
ขยายความเพิ่มอีกนิดนึง ที่ว่าเป็นกิจกรรมนั้นก็คือ การใช้แอร์, การใช้ไฟมอบความสว่าง, การทำระบบไหลเวียนอากาศ, การใช้เครื่องจักรต่างๆ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ซึ่งทุกกิจกรรมที่มนุษย์ทำภายในอาคารนั้น ล้วนเกิดการปล่อย Operational Carbon ครับ
และเมื่อลดการใช้พลังงานจากทุกกิจกรรม = ลดการปล่อยคาร์บอนประเภท Operational Carbon
เมื่อหลักการของ Passive Design คือการลดการใช้พลังงานภายในอาคาร ตั้งแต่การใช้แสงสว่าง การทำความร้อน และเครื่องปรับอากาศ ผ่านวิธีการออกแบบทางสถาปัตยกรรมที่ช่วยแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำ แทนที่จะใช้เครื่องจักรกล นี่เป็นแนวทางที่มองไปยังการปรับตัวแล้วใช้ธรรมชาติเป็นแรงบันดาลใจสำหรับการเป็นแบบอย่างของการสร้างพื้นที่ที่ยั่งยืน
เพียงใช้ประโยชน์จากองค์ประกอบธรรมชาติ เช่น แสงแดดและลม หากมีการออกแบบที่คำนึงถึงทิศทางเหล่านี้ จะสามารถพลิกมาใช้ให้เกิดข้อดีอีกมากมาย ทั้งเพิ่มความเย็นสบายจากกระแสลมที่พัดผ่านเข้ามายังภายในอาคารและลดการใช้พลังงานไปในเวลาเดียวกัน
ประโยชน์ของ Passive Design
1. ประหยัดพลังงาน : จากการลดการใช้เครื่องจักรกลต่างๆ รวมถึงลดการใช้เครื่องปรับอากาศและการใช้แสงสว่างจากหลอดไฟ
2. ลดต้นค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคระยะยาว : เมื่อใช้พลังงานน้อยลง ค่าใช้จ่ายและค่าบำรุงรักษาต่างลดลงตาม
3. เพิ่มความสบายในการอยู่อาศัย : ด้วยการมีอุณหภูมิที่เหมาะสมกับสภาพอากาศและการระบายอากาศที่ถ่ายเทได้ดี ช่วยสร้างอากาศที่มีคุณภาพ มีอากาศที่สดชื่น
4. ออกแบบอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม : นอกจากลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างคาร์บอนไดออกไซด์เป็นหลักแล้ว หากเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืน ไม่ทำร้ายธรรมชาติหรือใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองอีกด้วย
เพราะสิ่งสำคัญของการออกแบบที่ยั่งยืนและอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว ล้วนมาจากการเข้าใจสภาพแวดล้อมที่อยู่แล้วรู้จักปรับตัวให้สอดรับกับสิ่งที่เป็น เพื่อตั้งรับว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างไรโดยไม่ทำร้ายกัน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
https://2050-materials.com
https://hba-th.org
https://today.line.me
ขอขอบคุณรูปประกอบจาก :
https://www.dezeen.com
ผู้เขียนบทความ
ด้วยการเกณฑ์การประเมินคาร์บอนฯ ที่แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. Low Carbon CFO (Carbon Footprint for Organization) : การประเมิน carbon footprint ขององค์กร
2. Low Carbon CFP (Carbon Footprint of Product) : การประเมิน carbon footprint ของผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้เพื่อผลักดันให้ผู้ผลิตและผู้พัฒนาวัสดุที่มีความมุ่งมั่นในการลดคาร์บอนจากวัสดุที่จำหน่าย มุ่งสู่เส้นทาง Low Carbon material ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทางโครงการมีการแบ่งเฟสที่บอกระดับว่าแต่ละองค์กรอยู่ที่จุดไหนแล้วบ้าง ได้แก่
Phase 1 : Committed เข้าร่วมโครงการ Wazzadu Low Carbon Material Library สู่เส้นทาง Low Carbon
Phase 2 : On-Track ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
Phase 3 : Achieved สามารถปล่อยคาร์บอนฯ ต่ำได้แล้วเมื่อเทียบจากครั้งก่อนๆ
หวังว่าห้องสมุดที่รวมวัสดุคาร์บอนฯ ต่ำนี้จะช่วยให้ทุกท่านได้พบกับวัสดุที่สามารถใช้ออกแบบให้เกิดเป็นสถาปัตยกรรมคาร์บอนต่ำได้จริง ... อ่านเพิ่มเติม