จากแนวคิด Rewilding สู่การออกแบบ Urban Rewilding ที่ฟื้นฟูธรรมชาติในพื้นที่เมือง

สำหรับการดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมที่โครงการ Wazzadu Low Carbon Material Library มองว่าไม่ได้มีแค่เรื่องการออกแบบและพัฒนาวัสดุที่ปล่อยคาร์บอนเท่านั้น แต่ยังมองไปถึงเรื่องของการฟื้นฟูธรรมชาติเพื่อให้มีทรัพยากรอยู่ไปได้อีกนาน

 

แนวคิดนึงที่เป็นเรื่องอนุรักษ์คือการ Rewilding ที่เป็นแนวคิดทางนิเวศวิทยาและอนุรักษ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1990 โดยมีจุดเริ่มต้นในสหรัฐอเมริกา ผ่านโครงการ The Wildlands Project ซึ่งริเริ่มโดยนักอนุรักษ์และนักนิเวศวิทยาที่ชื่อคุณ Dave Foreman โดยมีเป้าหมายในการฟื้นฟูพื้นที่ป่า ภูเขา และระบบนิเวศขนาดใหญ่ที่ถูกบุกรุกหรือเสื่อมโทรมจากกิจกรรมของมนุษย์

 

แนวคิด Rewilding แตกต่างจากการฟื้นฟูธรรมชาติแบบดั้งเดิมตรงที่ไม่ได้พยายามควบคุมธรรมชาติ แต่เปิดโอกาสให้ระบบนิเวศฟื้นฟูตัวเองอย่างอิสระตามกลไกธรรมชาติ เช่น การปล่อยสัตว์ผู้ล่ากลับคืนถิ่น การคืนพื้นที่ให้พืชพื้นถิ่นเติบโต และการเชื่อมโยงพื้นที่ธรรมชาติให้ต่อเนื่องกันโดยไม่ขัดขวางด้วยโครงสร้างของมนุษย์

 

นักวิชาการอย่าง Michael Soulé และ Reed Noss ได้เสนอหลักการสำคัญของ Rewilding ไว้ในรูปแบบของโมเดล 3C ได้แก่ พื้นที่แกนกลาง (Cores), เส้นทางเชื่อมโยง (Corridors), และผู้ล่า (Carnivores) ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ช่วยฟื้นฟูความสมดุลของระบบนิเวศโดยไม่ต้องพึ่งการจัดการเชิงรุกจากมนุษย์ ตั้งแต่นั้นมา Rewilding กลายเป็นทฤษฎีที่ทรงอิทธิพลในวงการอนุรักษ์ ทั้งในอเมริกาเหนือ ยุโรป และส่วนอื่นๆ ของโลก

การพัฒนาแนวคิดไปสู่ Urban Rewilding

แม้แนวคิด Rewilding จะเริ่มจากพื้นที่ธรรมชาติขนาดใหญ่ แต่นับตั้งแต่ช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 แนวคิดนี้ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในบริบทของเมือง หรือพื้นที่ที่ถูกครอบงำด้วยโครงสร้างของมนุษย์อย่างหนาแน่น จนกลายเป็นแนวทางใหม่ที่เรียกว่า “Urban Rewilding”

 

Urban Rewilding คือการคืนธรรมชาติให้แก่พื้นที่เมืองโดยการเปิดโอกาสให้พืช สัตว์ แมลง และกระบวนการทางธรรมชาติกลับเข้ามามีบทบาทในพื้นที่ที่เคยถูกปรับเปลี่ยน เช่น ทางรถไฟร้าง ลานจอดรถเก่า ที่ว่างระหว่างอาคาร หรือแม้แต่หลังคาอาคาร แนวคิดนี้ไม่ใช่การสร้างสวนสาธารณะที่ตกแต่งอย่างเป็นระเบียบ หากแต่เป็นการปล่อยให้ธรรมชาติเติบโตตามลำดับขั้นของตนเอง เช่น การปลูกพืชพื้นถิ่นที่ไม่ต้องรดน้ำทุกวัน การปล่อยแมลงผสมเกสร หรือการออกแบบให้สัตว์เล็กสามารถเข้ามาอาศัยในเมืองได้

 

กรณีศึกษาที่สำคัญคือโครงการ The High Line ในนิวยอร์ก ซึ่งเปลี่ยนโครงสร้างทางรถไฟเก่าบนยกระดับให้กลายเป็นสวนลอยฟ้าที่ปล่อยให้พืชพื้นถิ่นเติบโตแบบกึ่งธรรมชาติที่ไม่มีการตกแต่งเกินจำเป็นหรือโครงการสวนเบญจกิติ เฟสใหม่ในกรุงเทพฯ ที่นำแนวคิดการฟื้นฟูบึงธรรมชาติและพืชน้ำมาผสมผสานกับการออกแบบพื้นที่สาธารณะอย่างสมดุล ถือเป็นการขยายแนวคิด Rewilding ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมเมืองที่มีความซับซ้อนทั้งในเชิงสังคม เศรษฐกิจและโครงสร้างทางกายภาพ

โครงการ The High Line ในนิวยอร์ก

จุดมุ่งหมายของ Urban Rewilding

ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเชิงปริมาณ แต่เน้นการสร้างระบบนิเวศที่มีชีวิตจริงในเมืองให้กลับมาเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ทั้งในมิติของสิ่งแวดล้อม สังคม และจิตวิญญาณของผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมือง

 

เป้าหมายหลักเลยก็คือการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อที่จะสร้างแหล่งที่อยู่อาศัยให้กับสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเป็นนกหลายสายพันธุ์หรือแมลงต่างๆ เมื่อมีระบบนิเวศเกิดขึ้นจะสามารถคืนความเป็นธรรมชาติในการกรองน้ำ ดูดซับมลพิษ หรือควบคุมอุณหภูมิ นอกจากนี้ยังมุ่งหวังให้ผู้คนที่ใช้ชีวิตในเมืองรู้สึกใกล้ชิดและเชื่อมโยงกับธรรมชาติมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการได้ยินเสียงนก การเดินบนเส้นทางที่มีพืชคลุมดิน หรือการเห็นวงจรชีวิตของแมลงและพืชเปลี่ยนไปตามฤดูกาล

 

ในบางประเทศ Urban Rewilding ยังถูกนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาเชิงสังคม เช่น การฟื้นฟูพื้นที่ร้างในชุมชนให้กลายเป็นแหล่งรวมตัวของคนทุกวัย หรือการออกแบบให้พื้นที่ธรรมชาติเหล่านี้ช่วยลดความเครียด ความโดดเดี่ยว และส่งเสริมสุขภาวะทางใจ

โครงการ The High Line ในนิวยอร์ก

การประยุกต์ใช้เข้ากับการออกแบบพื้นที่ในเมือง

การออกแบบพื้นที่เมืองโดยใช้แนวคิด Urban Rewilding ต้องเริ่มจากการมองพื้นที่เมืองไม่ใช่เพียงพื้นที่ใช้สอยแต่เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการเยียวยา ถ้านักออกแบบ สถาปนิก และนักวางผังเมืองที่ต้องการนำแนวคิดนี้มาใช้ จะต้องให้ความสำคัญกับองค์ประกอบทางธรรมชาติ มาดูกันว่ามีแนวทางอย่างไร

 

ตัวอย่างการใช้แนวคิด Urban Rewilding เพื่อออกแบบ เช่น

1. ปลูกพืชพื้นถิ่น ในสวนสาธารณะ พื้นที่รกร้าง หรือริมถนน เพื่อสร้างแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยให้สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กและแมลง

2. สร้างโครงข่ายเชื่อมต่อพื้นที่สีเขียว (Wildlife Corridors) ให้สัตว์สามารถเคลื่อนย้ายและขยายพันธุ์ได้สะดวก

3. ฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น การเปลี่ยนคลองคอนกรีตเป็นลำธารธรรมชาติหรือพื้นที่ชุ่มน้ำ

4. ลดการใช้สารเคมีและการดูแลรักษาแบบเข้มข้น อย่างเช่น การหยุดตัดหญ้าบางพื้นที่ หรือปล่อยให้พืชขึ้นเองตามธรรมชาติ

5. ติดตั้งโครงสร้างช่วยเหลือสัตว์ในเมือง เช่น การมีบ้านนก การมีโรงแรมแมลง หรือบ่อน้ำสำหรับสัตว์เล็ก

 

สำหรับข้อแนะนำในการดำเนินงานนั้นจะต้องปรับให้เหมาะสมกับบริบทแวดล้อมของแต่ละเมือง โดยคำนึงถึงสภาพภูมิอากาศ พันธุ์พืช แมลงและสัตว์ท้องถิ่น ตลอดจนคำนึงถึงโครงสร้างเมือง ควรมีการวางแผนร่วมกับชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและการยอมรับจากประชาชน

ข้อดีเกี่ยวกับด้าน Low Carbon มีอะไรบ้าง

หนึ่งในคุณสมบัติเด่นของ Urban Rewilding คือศักยภาพในการช่วยลดคาร์บอนและสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์อย่างมีนัยสำคัญ ด้าน Low Carbon นั้น หลักๆ เป็นการปล่อยให้ธรรมชาติฟื้นฟูตัวเอง เช่น การใช้พืชพรรณพื้นถิ่นที่ไม่ต้องรดน้ำหรือใส่ปุ๋ยบ่อย ช่วยลดการใช้พลังงานในการดูแลรักษาพื้นที่สีเขียว ขณะเดียวกันการปลูกพืชที่ดูดซับคาร์บอนได้ดี เช่น ไม้ยืนต้น หรือพืชที่สร้างระบบรากลึก ยังมีผลในการลดคาร์บอนในบรรยากาศในระยะยาว

 

นอกจากนี้ แนวคิด Urban Rewilding ยังช่วยให้ผู้คนในเมืองสามารถเข้าถึงประสบการณ์ทางธรรมชาติที่แท้จริง ซึ่งมีงานวิจัยหลายฉบับระบุว่า การใช้เวลาในพื้นที่ที่มีความเป็นธรรมชาติมีผลต่อการลดระดับความเครียด ลดอัตราการเต้นของหัวใจ และเพิ่มสมาธิ พื้นที่ rewilded ยังช่วยลดอุณหภูมิในเมือง พร้อมกับเพิ่มคุณภาพอากาศ ทำให้ผู้คนมีสุขภาวะที่ดีมากขึ้นและสนับสนุนให้รู้สึกอยากมาออกกำลังกายนอกบ้าน เช่น การเดิน วิ่ง หรือทำกิจกรรมร่วมกับชุมชนในสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ

 

ซึ่งดีต่อสภาพจิดใจและสร้างสามสัมพันธ์ระหว่างผู้คนเข้าด้วยกัน สุดท้ายแล้วแนวคิด Urban Rewilding มีประโยชน์และดีต่อการเอาไปประยุกต์ในออกแบบพื้นที่เล็กๆ หรือสเกลที่ใหญ่ขนาดเมือง ไว้สร้างพื้นที่ที่ปล่อยคาร์บอนหรือดูดซับคาร์บอนได้ ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูธรรมชาติให้มนุษย์ได้มีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ด้วยครับ

 

ขอบคุณข้อมูลและรูปประกอบจาก

https://wildlandsnetwork.org

https://rewildingeurope.com

https://architizer.com

Wazzadu Low Carbon Material Library คือ ห้องสมุดวัสดุคาร์บอนฯ ต่ำ สำหรับงานสถาปัตยกรรม ที่รวบรวมความรู้และสเปควัสดุคาร์บอนฯ ต่ำ ทั้งจากนักวิจัย, สตาร์ทอัพ และผู้ผลิต เพื่อให้สถาปนิกและเจ้าของโครงการสามารถเลือกใช้สเปควัสดุคาร์บอนฯ ต่ำ สำหรับนำไปออกแบบอาคาร หรือ งานสถาปัตยกรรมเพื่อความยั่งยืนได้ ช่วยสร้างความมีส่วนร่วมในการเร่งสถาปัตยกรรมคาร์บอนต่ำให้เกิดขึ้น โดยเร็วเพื่อช่วยลดการแก้ปัญหาโลกร้อน

ด้วยการเกณฑ์การประเมินคาร์บอนฯ ที่แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. Low Carbon CFO (Carbon Footprint for Organization) : การประเมิน carbon footprint ขององค์กร
2. Low Carbon CFP (Carbon Footprint of Product) : การประเมิน carbon footprint ของผลิตภัณฑ์

ทั้งนี้เพื่อผลักดันให้ผู้ผลิตและผู้พัฒนาวัสดุที่มีความมุ่งมั่นในการลดคาร์บอนจากวัสดุที่จำหน่าย มุ่งสู่เส้นทาง Low Carbon material ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทางโครงการมีการแบ่งเฟสที่บอกระดับว่าแต่ละองค์กรอยู่ที่จุดไหนแล้วบ้าง ได้แก่

Phase 1 : Committed เข้าร่วมโครงการ Wazzadu Low Carbon Material Library สู่เส้นทาง Low Carbon
Phase 2 : On-Track ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
Phase 3 : Achieved สามารถปล่อยคาร์บอนฯ ต่ำได้แล้วเมื่อเทียบจากครั้งก่อนๆ

หวังว่าห้องสมุดที่รวมวัสดุคาร์บอนฯ ต่ำนี้จะช่วยให้ทุกท่านได้พบกับวัสดุที่สามารถใช้ออกแบบให้เกิดเป็นสถาปัตยกรรมคาร์บอนต่ำได้จริง ...
...

โพลสำรวจ

ถาม-ตอบ

Wazzadu.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของคุณ