วัสดุชีวภาพ “Picoplanktonics” ที่ดักจับคาร์บอนแล้วเปลี่ยนให้เป็นอากาศที่สะอาดมากขึ้นกว่าเดิม

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา วงการสถาปัตยกรรมและการออกแบบอาคารอสังหาริมทรัพย์ต้องเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ กับโจทย์คำถามว่า ทำอย่างไรอาคารที่สร้างขึ้นมาจะสามารถช่วยเรื่องภาวะโลกร้อนได้?!

 

จนกระทั่งในงานจัดแสดงผลงานด้านสถาปัตยกรรม Venice Architecture Biennale 2025 ประเทศอิตาลี มีนักศึกษาปริญญาเอกจาก ETH Zurich ชื่อ Andrea Shin Ling (แอนเดรีย ชินหลิง) ได้นำวัสดุชนิดหนึ่งมาพิมพ์ขึ้นรูปเป็นโครงต้นไม้สูง 3 เมตร และมีคุณสมบัติที่ดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 18 กิโลกรัมต่อปี หรือเทียบเท่ากับต้นสนที่อายุประมาณ 20 ปี โดยโปรเจกต์ที่ Andrea Shin Ling ทำขึ้นมามีชื่อว่า “Picoplanktonics” (พิโคแพลงก์โตนิกส์)

แล้วเจ้าวัสดุชนิดนี้คืออะไรกันนะ?

วันนี้ Wazzadu Low Carbon Material Library จะไปทุกท่านไปรู้จักกันครับ

Picoplanktonics เป็นนวัตกรรมใหม่ที่สร้างจากจุลชีพหรือแบคทีเรียสายพันธุ์เฉพาะที่สามารถเพาะเลี้ยงได้ในรูปแบบวัสดุชีวภาพแบบมีชีวิต โดยนักวิจัยนำ Cyanobacteria (ไซยาโนแบคทีเรีย) ที่เป็นแบคทีเรียสังเคราะห์แสงชนิดหนึ่งมาฝังลงในไฮโดรเจลแล้วปรับรูปทรงของโครงสร้างให้มีการเพิ่มพื้นที่ผิว เพิ่มการรับแสง เพิ่มการไหลเวียนของสารอาหาร ส่งผลให้ Cyanobacteria สามารถอยู่ได้นานขึ้น ทั้งยังใช้วัสดุนี้พิมพ์ขึ้นรูป 3 มิติออกมาได้

 

Picoplanktonics กลายเป็นนวัตกรรมวัสดุรุ่นใหม่ที่พัฒนาสายพันธุ์มาจากเชื้อแบคทีเรียที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยจุดเด่นที่สามารถดูดซับคาร์บอนได้มากกว่าสิ่งมีชีวิตอย่างต้นไม้ เพราะนักวิจัยสร้างขึ้นมาให้สามารถกักเก็บคาร์บอนในรูปแบบแร่ธาตุคาร์บอเนตแข็ง เช่น ปูนขาว ซึ่งเกิดจากกระบวนการที่ Cyanobacteria สังเคราะห์แสงและเปลี่ยนสภาพแวดล้อมทางเคมีในวัสดุให้ไฮโดรเจลแข็งตัวขึ้น ส่งผลให้ Picoplanktonics กักเก็บคาร์บอนได้มากขึ้นและคงอยู่ได้นานขึ้น 

มีการทดสอบว่าวัสดุนี้ดักจับคาร์บอนต่อเนื่องเป็นเวลา 400 วัน และแปลงเป็นแร่ธาตุ โดยพบว่าวัสดุ Picoplanktonics 1 กรัมสามารถกักเก็บคาร์บอนได้ประมาณ 26 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่าวิธีการทางชีวภาพอื่นๆ รวมถึงมากกว่ากระบวนการทางเคมีที่ใช้กับคอนกรีตรีไซเคิล (Chemical Mineralization of Recycled Concrete) ซึ่งเป็นวิธีดักจับคาร์บอนในระดับอุตสาหกรรม ที่ดักจับได้ประมาณ 7 มิลลิกรัมต่อคอนกรีตรีไซเคิล 1 กรัม

เป็นผลงานนวัตกรรมทวัสดุที่น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ และหากมีการพัฒนาและทดลองการใช้งานอีกต่อๆ ไป น่าจะสามารถใช้ Picoplanktonics มาเป็นผนังตกแต่งอาคารหรือวัสดุปิดผิวที่ช่วยดูดซับคาร์บอน พร้อมกับทำหน้าที่คล้ายกับเครื่องฟอกอากาศที่ช่วยเปลี่ยนอากาศให้สะอาดมากขึ้น

 

หรือนี่ไม่ใช่เพียงวัสดุใหม่ แต่คือวิธีคิดใหม่ที่มาท้าทายให้สถาปนิกและนักออกแบบมองอาคารในฐานะ “สิ่งมีชีวิต” ที่สามารถช่วยลดคาร์บอนและฟื้นฟูโลกได้ครับ

 

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปประกอบจาก :

https://www.tnnthailand.com

https://www.archdaily.com

https://climatesolutions.news

Wazzadu Low Carbon Material Library คือ ห้องสมุดวัสดุคาร์บอนฯ ต่ำ สำหรับงานสถาปัตยกรรม ที่รวบรวมความรู้และสเปควัสดุคาร์บอนฯ ต่ำ ทั้งจากนักวิจัย, สตาร์ทอัพ และผู้ผลิต เพื่อให้สถาปนิกและเจ้าของโครงการสามารถเลือกใช้สเปควัสดุคาร์บอนฯ ต่ำ สำหรับนำไปออกแบบอาคาร หรือ งานสถาปัตยกรรมเพื่อความยั่งยืนได้ ช่วยสร้างความมีส่วนร่วมในการเร่งสถาปัตยกรรมคาร์บอนต่ำให้เกิดขึ้น โดยเร็วเพื่อช่วยลดการแก้ปัญหาโลกร้อน

ด้วยการเกณฑ์การประเมินคาร์บอนฯ ที่แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. Low Carbon CFO (Carbon Footprint for Organization) : การประเมิน carbon footprint ขององค์กร
2. Low Carbon CFP (Carbon Footprint of Product) : การประเมิน carbon footprint ของผลิตภัณฑ์

ทั้งนี้เพื่อผลักดันให้ผู้ผลิตและผู้พัฒนาวัสดุที่มีความมุ่งมั่นในการลดคาร์บอนจากวัสดุที่จำหน่าย มุ่งสู่เส้นทาง Low Carbon material ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทางโครงการมีการแบ่งเฟสที่บอกระดับว่าแต่ละองค์กรอยู่ที่จุดไหนแล้วบ้าง ได้แก่

Phase 1 : Committed เข้าร่วมโครงการ Wazzadu Low Carbon Material Library สู่เส้นทาง Low Carbon
Phase 2 : On-Track ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
Phase 3 : Achieved สามารถปล่อยคาร์บอนฯ ต่ำได้แล้วเมื่อเทียบจากครั้งก่อนๆ

หวังว่าห้องสมุดที่รวมวัสดุคาร์บอนฯ ต่ำนี้จะช่วยให้ทุกท่านได้พบกับวัสดุที่สามารถใช้ออกแบบให้เกิดเป็นสถาปัตยกรรมคาร์บอนต่ำได้จริง ...
...

โพลสำรวจ

ถาม-ตอบ

Wazzadu.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของคุณ