การออกแบบบ้านที่ถ่ายทอดความเป็นท้องถิ่น ผสานแนวคิดอย่างยั่งยืน กับโปรเจกต์ “บ้านเชียงแสน (Baan Jihang Saen)”

ถ้าในอนาคตจะออกแบบบ้านสักหลังที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน และสอดคล้องกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ หรือเรื่องของ Climate Change จะทำอย่างไรให้ การออกแบบที่อยู่อาศัยมีวิธีก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่สร้างคาร์บอนที่สูงมากและยังคำนึงถึงเรื่องสุขภาวะของผู้อยู่อาศัยที่อยู่บ้านแล้วเย็นสบาย ไม่ร้อนเกินไป

 

Wazzadu Low Carbon Material Library ได้เจอโปรเจกต์ออกแบบจากที่หนึ่งมาอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ครับ เห็นแล้วรู้สึกสวยงาม สงบ น่าอยู่และพบว่ามีดีเทลที่น่าสนใจ เลยอยากยกมาเป็นตัวอย่างการออกแบบเชิง Residential Sustainable Architecture ครับ

Project : บ้านเชียงแสน (Baan Jihang Saen)

Location : จ.เชียงใหม่

Design By : Housescape Design Lab

 

กลางเมืองเชียงใหม่ มีบ้านไม้เก่าอายุราวๆ 60 ปี ที่กำลังถูกแทนที่ด้วยบ้านร่วมสมัยใหม่เอี่ยม แต่แทนที่จะทุบทิ้งทั้งหมด สถาปนิกจาก Housescape Design Lab โดย คุณพีระพงษ์ พรมชาติ เลือกจะ “ถอดรหัสความทรงจำ” ของบ้านหลังนั้น แล้วร้อยเรียงกลับมาเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่ทั้งตอบโจทย์ชีวิตปัจจุบันและตัวบ้านสามารถที่จะอยู่ทนทานต่อสภาพภูมิอากาศในอนาคตได้ยาวนาน

 

นี่คือ บ้านเชียงแสน (Baan Jihang Saen) ซึ่งถูกออกแบบให้มีความยั่งยืนในเชิงการใช้วัสดุก่อสร้างและตกแต่ง ตลอดจนอาคารมีการปรับตัวต่อภูมิอากาศที่แวดล้อม และที่สำคัญเลยคือบ้านต้องดีต่อผู้อยู่อาศัย โปรเจกต์นี้ได้ผ่านวิธีคิดที่เชื่อมโยง ความทรงจำ การใช้ชีวิต ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน

การออกแบบที่เริ่มต้นจากความทรงจำในท้องถิ่น

หัวใจของบ้านหลังนี้ไม่ใช่เพียงแผนผังหรือวัสดุที่เลือกสเปค แต่คือเรื่องราวที่สถาปนิกพยายามเก็บรักษาไว้ บ้านหลังเก่าไม่ได้ถูกทิ้ง แต่ถูกตีความใหม่ด้วยดีไซน์ร่วมสมัยในสไตล์การออกแบบ Modern Traditional Tropical ที่ยังคงมีองค์ประกอบของสถาปัตยกรรมยุคก่อน เช่น ชานรับแขกแบบฮ้านน้ำ ซึ่ง “ฮ้านน้ำ” เป็นที่ตั้งสำหรับวางหม้อน้ำดื่มในสมัยก่อนแล้วจะมีที่แขวนกระบวยอยู่ข้างๆ

 

การเลือกฮ้านน้ำมาออกแบบส่วนที่เป็นโซนต้อนรับแขกบริเวณหน้าสุดของบ้าน ให้บรรยากาศของกลิ่นอายวัฒนธรรมทางเหนือที่ยังคงอยู่ในบ้านหลังนี้ และประยุกต์ใช้เป็นจุดนั่งพักของครอบครัวให้หายร้อนจากอากาศช่วงกลางวัน จากวิธีคิดที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้งทำให้เสน่ห์ของบ้านเชียงแสนดูเป็นบ้านที่อบอุ่นและถ่ายทอดวิถีชีวิตคนรุ่นก่อนมายังคนรุ่นปัจจุบัน

 

มีการเลือกใช้วัสดุไม้จากบ้านเดิมกว่า 60% ร่วมกับเหล็กที่เสริมโครงสร้างให้แข็งแรงขึ้น พร้อมรายละเอียดเล็กน้อย เช่น พื้นไม้ที่ถูกทำให้ยืดหยุ่นเพื่อยังคงเสียงเอี๊ยดอ๊าดแบบบ้านเก่า กลายเป็นการเก็บรักษาความทรงจำในรูปของสัมผัสประสบการณ์ มากกว่าการจัดวางสิ่งของตกแต่งเพียงผิวเผิน

การออกแบบที่ปรับให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศ

หากจะเลือกเพียงองค์ประกอบหนึ่งที่เป็นตัวแทนของบ้านเชียงแสนที่เห็นได้ชัดในมุมนี้ คงหนีไม่พ้นหลังคาหน้าจั่วที่กลายเป็นแกนกลางทางสถาปัตยกรรม ชายคาที่คลุมยาวป้องกันทั้งแดดและฝน ซึ่งในภาคเหนือเป็นปัญหาหนักหน่วง ทางทีมผู้ออกแบบเลือกใช้หลังคา Seamless Roof ที่ทนทานต่อทุกฤดู ต่อให้เจอฝนที่ตกหนักขึ้นเพราะเรื่อง Climate Change และแดดที่ร้อนจัดมากขึ้นในทุกปี ก็ยังรับมือได้

 

ถ้ามองเข้าไปในตัวบ้าน ดูจากแผนผังจะส่วนที่ใช้ Passive Design ด้วยการมีช่องเปิดให้อากาศไหลเวียน แทนที่จะอาศัยเครื่องปรับอากาศอย่างเดียว การใช้ลมธรรมชาติให้พัดพาความร้อนตามจุดต่างๆ พัดไหลผ่านออกไป ช่วยให้ตัวบ้านไม่อมความร้อนสะสมและยังมีแสงแดดจากธรรมชาติที่มอบความสว่างให้ใช้แทนหลอดไฟ เป็นข้อดีที่ช่วยลดภาระการใช้พลังงานไฟฟ้าได้อีกด้วย

การเลือกใช้วัสดุที่สะท้อนความยั่งยืน

โปรเจกต์นี้เลือกวิธี reuse และ recycle ไม้เก่าจากบ้านเดิมนำกลับมาใหม่อีกครั้ง ในจำนวนกว่า 60% จากไม้เดิม เป็นวิธีที่ลด Embodied Carbon จากการไม่ใช้วัสดุใหม่ และลด waste จากไซต์งานก่อสร้าง ลดขยะการรื้อถอน เพราะไม่ต้องเอาไม้ไปขนทิ้งทั้งหมด ส่วนวัสดุอื่นๆ ที่ยังเหลือจากบ้านเก่า อย่างเหล็กดัดกันขโมยก็กลับมาใช้ตกแต่งใหม่

 

แม้จะเหลือร่องรอยที่ผ่านการใช้งานมาบ้าง แต่วัสดุเดิมเหล่านี้คือสิ่งที่แสดงถึงความสมดุลระหว่าง “ความทนทาน” และ “ความเป็นธรรมชาติ” ที่อยู่ได้นานอย่างยั่งยืน

 

และบ้านที่รักษ์โลกไม่ได้หมายถึงบ้านที่ Low Carbon เท่านั้น แต่ต้องอยู่ได้จริงในสภาพอากาศที่แปรปรวน

 

สุดท้ายนี้เรามาดูในเรื่องของ Wellness ปิดท้ายกันครับ บ้านเชียงแสนไม่ได้ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์แค่เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่เห็นถึงความใส่ใจที่อยู่ในรายละเอียดของงาน ดังนี้

1. สุขภาวะทางกายภาพ :

- การควบคุมสภาพภูมิอากาศในบ้านให้รู้สึกสบายตัว

- ลดปัญหาความร้อนและกลิ่นสะสมในบ้าน เพราะมีอากาศถ่ายเทตลอดเวลา

- เมื่ออากาศถ่ายเทได้ดี จะไม่เกิดความชื้นที่อาจเกิดเป็นเชื้อราซึ่งอันตรายต่ออากาศในบ้าน

- บ้านไม่ได้ออกแบบให้ทุกห้องรับแสงเท่ากัน แต่จัดจังหวะให้ แสง–เงา เหมาะกับกิจกรรมต่างๆ และแสงธรรมชาติ จะเกิดอาการเมื่อยล้าของดวงตาน้อยกว่าแสงจากหลอดไฟ

 

2. สุขภาวะทางจิตใจและอารมณ์ :

- การมี Sharing space อย่างฮ้านน้ำของบ้าน ช่วยให้เกิดโมเมนต์ของการทักทายระหว่างแขกกับคนในบ้าน หรือแม้กระทั่งจัดกิจกรรมสังสรรค์ พักผ่อนและใช้เวลาร่วมกัน ณ บริเวณนั้นเพื่อกระชับสายสัมพันธ์ได้มากขึ้น การได้พบปะผู้คนช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยว ลดความซึมเศร้า ส่งผลให้มีสุขภาพจิตที่แจ่มใส ร่าเริง

- นอกจากนี้ การใช้ “แสง” เป็นเครื่องมือที่กระตุ้นกิจกรรมการออกกำลังกายและพักผ่อนได้อีกด้วย เช่น แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าชวนให้ออกมารับแดด เสริมวิตามิน D และเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นของเช้าวันใหม่ ชวนให้น่าออกกำลังกาย, หรือแสงช่วงตอนเย็นที่พระอาทิตย์กำลังลับฟ้า สร้างบรรยากาศที่สงบ ช่วยปรับอารมณ์และเตรียมเข้าโหมดพักผ่อน

บ้านเชียงแสนเป็น Case การออกแบบที่สะท้อนว่าความยั่งยืนสามารถเกิดจากการมองย้อนกลับไปที่รากเหง้า วัฒนธรรม วิถีชีวิตและการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า การออกแบบที่อยู่อาศัยของโปรเจกต์นี้ชี้ให้เห็นว่าการผสานของ Culture + Reuse Material + Design ได้สร้างสรรค์บ้านหลังหนึ่งที่ไม่ได้เพียงอยู่ได้ แต่ยังอยู่ดี เป็นยังไง

ขอบคุณข้อมูลจาก :

https://www.housescape-delab.com

https://www.ihome108.com

 

ขอบคุณรูปประกอบจาก :

https://architizer.com

Wazzadu Low Carbon Material Library คือ ห้องสมุดวัสดุคาร์บอนฯ ต่ำ สำหรับงานสถาปัตยกรรม ที่รวบรวมความรู้และสเปควัสดุคาร์บอนฯ ต่ำ ทั้งจากนักวิจัย, สตาร์ทอัพ และผู้ผลิต เพื่อให้สถาปนิกและเจ้าของโครงการสามารถเลือกใช้สเปควัสดุคาร์บอนฯ ต่ำ สำหรับนำไปออกแบบอาคาร หรือ งานสถาปัตยกรรมเพื่อความยั่งยืนได้ ช่วยสร้างความมีส่วนร่วมในการเร่งสถาปัตยกรรมคาร์บอนต่ำให้เกิดขึ้น โดยเร็วเพื่อช่วยลดการแก้ปัญหาโลกร้อน

ด้วยการเกณฑ์การประเมินคาร์บอนฯ ที่แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. Low Carbon CFO (Carbon Footprint for Organization) : การประเมิน carbon footprint ขององค์กร
2. Low Carbon CFP (Carbon Footprint of Product) : การประเมิน carbon footprint ของผลิตภัณฑ์

ทั้งนี้เพื่อผลักดันให้ผู้ผลิตและผู้พัฒนาวัสดุที่มีความมุ่งมั่นในการลดคาร์บอนจากวัสดุที่จำหน่าย มุ่งสู่เส้นทาง Low Carbon material ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทางโครงการมีการแบ่งเฟสที่บอกระดับว่าแต่ละองค์กรอยู่ที่จุดไหนแล้วบ้าง ได้แก่

Phase 1 : Committed เข้าร่วมโครงการ Wazzadu Low Carbon Material Library สู่เส้นทาง Low Carbon
Phase 2 : On-Track ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
Phase 3 : Achieved สามารถปล่อยคาร์บอนฯ ต่ำได้แล้วเมื่อเทียบจากครั้งก่อนๆ

หวังว่าห้องสมุดที่รวมวัสดุคาร์บอนฯ ต่ำนี้จะช่วยให้ทุกท่านได้พบกับวัสดุที่สามารถใช้ออกแบบให้เกิดเป็นสถาปัตยกรรมคาร์บอนต่ำได้จริง ...

ไอเดียมาใหม่

บทความที่เกี่ยวข้อง

...

โพลสำรวจ

ถาม-ตอบ

Wazzadu.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของคุณ