การจัดองค์ประกอบสีของสไตล์การตกแต่ง 8 รูปแบบ ที่ได้รับความนิยมในยุคปัจจุบัน (Style Color Tone for Architectural Design)

องค์ประกอบของสีและสไตล์การออกแบบภายใน ต่างก็มีความสำคัญในงานตกแต่งอาคารที่พักอาศัยอย่างสัมพันธ์กัน วันนี้ Wazzadu Encyclopedia จึงได้ทำการรวบรวมสไตล์การตกแต่ง 8 รูปแบบ ที่ได้รับความนิยมในยุคปัจจุบัน ว่าแต่ละแบบมีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ และใช้โทนสีในการตกแต่งอย่างไร ติดตามในบทความนี้ได้เลยครับ...

Loft style สไตล์ลอฟท์

คอลเลคชั่นสีจากแบรนด์สีจระเข้

ขอบคุณภาพประกอบจาก Pinterest .com

Loft style

จุดเริ่มต้นของสไตล์ลอฟท์ (Loft) เริ่มเกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดยุคสงครามโลกครั้งที่2 (ช่วงปี 1939-1945) ผลพวงจากสงครามในยุคนั้น ก่อเกิดความตกต่ำทางเศรษฐกิจ โรงงานอุตอุตสาหกรรมหลายแห่งปิดตัวลงเป็นจำนวนมาก อาคารโรงงานและโกดังหลายๆแห่งจึงถูกทิ้งล้าง ประกอบกับการที่บ้านเมืองยังไม่ฟื้นฟู ทำให้ราคาที่อยู่อาศัยในยุคนั้นมีราคาสูงมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเกิดแนวคิดในการประยุกต์อาคารของโรงงานอุตสาหกรรมที่ถูกทิ้งล้างเหล่านี้ ให้กลายเป็นที่พักอาศัย เพราะการใช้วัสดุดั้งเดิมของโครงสร้างอาคารที่มีอยู่ ทำให้สามารถประหยัดงบประมาณในการตกแต่งและก่อสร้างได้เป็นอย่างมาก จากจุดเด่นในแง่ของฟังก์ชันและความประหยัด เกิดเป็นความโดดเด่นทางด้านสไตล์ที่ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบันนี้

ด้วยความที่โครงสร้างของอาคารของโกดัง มักนิยมใช้เหล็ก อิฐ หรือปูน เป็นวัสดุหลักในการตกแต่งหรือใช้เป็นโครงสร้าง จึงทำให้อาคารเหล่านี้มีความแข็งแรง และมีลักษณะโปร่งโล่ง ดังนั้น ภาพจำของสไตล์ลอฟท์ที่คุ้นเคยกันดี คือรูปแบบของอาคารที่มีความโปร่ง เพดานสูง เน้นการโชว์พื้นผิววัสดุหรือโครงสร้างอาตารต่างๆ เช่น โครงสร้างเหล็ก ท่อเหล็ก ผนังอิฐ ปูนเปลือย เพดานแบบเปิดให้เห็นงานระบบต่างๆ ตัวอย่างของย่านที่มีกลิ่นอายความเป็นสไตล์ลอฟท์เห็นได้ชัดเจนมากที่สุดนั่นก็คือย่านโซโห ของเมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

ลักษณะของสไตล์ลอฟท์

1. ลักษณะของห้องแบบเปิดโล่ง

  • Open Plan

คือลักษณะของห้องแบบเปิดโล่งถึงกันหมด โดยใช้วิธีแบ่งแยกหมวดหมู่ของห้องด้วยเฟอร์นิเจอร์ เช่น พื้นที่ห้องรับแขก พื้นที่ห้องนอน หรือพื้นที่ห้องครัว โดยเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ทรงสูงในการกั้นพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน เน้นการมองเห็น Space ภายในห้องได้อย่างทั่วถึง

  • Double Volume

ลักษณะห้องแบบนี้ เรามักจะพบเห็นในการนำมาประยุกต์ใช้กับการตกแต่งคอนโดแบบห้องเพดานสูง ที่มีฟังก์ชันของชั้นลอยหรือ Mezzanine เพิ่มขึ้นมาเพื่อใช้สอย เช่น การจัดแต่งให้เป็นพื้นที่ห้องนอนเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว และแยกออกจากพื้นที่ส่วนอื่นๆ ทำให้สามารถคงจุดเด่นของรูปแบบเพดานสูงโปร่ง และยังได้ความเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นมา

2. โครงสร้างเหล็ก การใช้โครงสร้างเหล็กมาประยุกต์ใช้ เช่น บันไดเหล็ก ชั้นวางของทำจากเหล็ก

3. โชว์งานระบบต่างๆ  ภายในอาคาร เพดานแบบเปิดให้เห็นความเรียลของงานระบบ หรืออาจจะแค่นำเอากลิ่นอายมาใช้ เช่น ตกแต่งผนังเพิ่มเติมด้วยท่อเหล็ก

Modern Style สไตล์โมเดิร์น

คอลเลคชั่นสีจากแบรนด์สีจระเข้

ขอบคุณภาพประกอบจาก design-milk. com

Modern Style

จุดเริ่มต้นของสไตล์โมเดิร์น (Modern) นั้นเริ่มต้นขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 18 – 20 หรือในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยสถาปนิกที่มีอิทธิพลในต่อสไตล์นี้ คือ เลอ กอร์บูซีเย (Le Corbusier) สถาปนิกชาวฝรั่งเศส ซึ่งตัวเขาเองมีแนวคิดการสร้างศิลปะแบบพิสุทธินิยม (purism) หรือรูปแบบของงานออกแบบที่ยึดถือความคิดเกี่ยวกับรูปทรงเป็นหลัก มีความเรียบง่าย ไร้ซึ่งการปรุงแต่งใดๆ และกระบวนการออกแบบสถาปัตยกรรมทั้งหมดนั้นจะเป็นไปอย่างมีแผนการ อย่างที่ตัวเขากล่าวว่า “a house is a machine for living in“ หมายความว่า บ้านพักอาศัยควรสนองประโยชน์ใช้สอยอย่างแท้จริง

ในช่วงแรกเริ่ม เลอ อร์บูซีเย มีความคิดว่า บ้านพักอาศัยก็เหมือนกับผลผลิตของผู้บริโภค การออกแบบของเขาส่วนหนึ่งจึงได้แรงบันดาลใจจากภาพจำลองของเครื่องจักรและอาศัยสิ่งเหล่านี้ไปสร้างสรรค์กระบวนแบบใหม่ๆ ซึ่งไม่มีการเกี่ยวข้องกับสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม จนกระทั่งช่วงหลังสงครามเขาก็ทิ้งความตั้งใจเดิม ที่ชื่นชอบผลิตผลของเครื่องจักรที่มีผิวพื้นที่เรียบลื่น และหันไปชอบกระบวนแบบใหม่ซึ่งเขาเรียกว่า brutalism คือความหยาบของผิววัสดุ เช่น โครงสร้างแบบ “คอนกรีตเปลือย”

สรุปแล้ว สไตล์โมเดิร์นคือแนวคิดสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่ไม่อิงกับรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม เน้นการใช้วัสดุตกแต่งหรือของใช้ที่มีประโยชน์ใช้สอยคุ้มค่า จุดเด่นคือรูปทรงเลขาคณิตที่ลดทอนความเป็นลวดลายประดับประดา หรือลดทอนรูปทรงที่ไม่จำเป็นออกไป ไร้ซึ่งการปรุงแต่ง สไตล์โมเดิร์นถือเป็นจุดเปลี่ยนของวงการออกแบบ ซึ่งเดิมทีในช่วงก่อนหน้านั้นจะเน้นไปที่ลวดลายประดับประดาที่ดูหรูหรา ซึ่งอิทธิพลของแนวคิดการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นนี้ ก็ได้รับความนิยมในการนำมาประยุกต์ใช้ในวงการตกแต่งจนถึงในปัจจุบัน และถูกนำไปปรับประยุกต์กับการตกแต่งในสไตล์อื่นๆ อย่างเช่น สไตล์ลอฟท์

ลักษณะสถาปัตยกรรม 5 ประการของ เลอ การ์บูซีเย

  • ยกพื้นสูงลอยตัว มีลักษณะเบา
  • จัดแผนผังพื้นที่ใช้สอยอิสระ (free plan) เพราะใช้ผนังลอยได้
  • free facade ผนังด้านนอกไม่จำเป็นต้องรับน้ำหนัก
  • ใช้ roof garden มีfunctionเป็นระเบียง-สวน-ดาดฟ้าเนื่องจากเป็นFlat roof
  • ใช้ ribbon window ช่องเจาะยาวแนวนอนได้

โทนสีสไตล์โมเดิร์น

โทนสีของสไตล์โมเดิร์น มักจะไม่ได้มีสีสันที่ฉูดฉาดมากนัก และมักจะใช้เป็นโทนแม่สีเพื่อให้ดูทันสมัย เช่น สีดำ สีขาว สีเทา สีน้ำเงิน สีน้ำตาล สีม่วง

Minimal Style สไตล์มินิมอล

คอลเลคชั่นสีจากแบรนด์สีจระเข้

ขอบคุณภาพประกอบจาก www.dezeen. com

Minimal Style

less is more...คือคำจำกัดความของสไตล์นี้ สไตล์การตกแต่งที่เรียบง่าย เน้นการใช้เฟอร์นิเจอร์แบบน้อยชิ้น แต่ละชิ้นต้องมากด้วยประโยชน์ อีกทั้งยังต้องไม่ทิ้งดีไซน์เรียบๆ ไม่ว่าจะด้วยรูปทรง สี และต้องไม่มีลวดลายมากนัก ซึ่งการจัดวางต่างๆ จะอยู่ในลักษณะที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย

เอกลักษณ์ในการตกแต่งสไตล์มินิมอล คือ การมีความสมดุลและความผ่อนคลาย มักจะมีโทนสีแบบโมโนโทนหรือสีอ่อนๆ เช่น สีขาว สีเทาอ่อน สีเทาเข้ม รวมถึงการออกแบบที่มีเส้นสายตาที่ตรงและชาร์ป

เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่คัดสรรมาตกแต่งในบ้านสไตล์นี้ มักจะตอบสนองการใช้งานได้อย่างครบครัน มีความพอดี ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป นอกจากนี้ ยังเน้นการจัดสเปสให้มีความว่างและดูกว้างขวาง โปร่งโล่ง สไตล์นี้จึงได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษในหมู่คนรุ่นใหม่ที่รักความสงบและชอบการตกแต่งบ้านที่เน้นความสะอาด ปลอดโปร่ง และมีพื้นที่ว่างเยอะๆ

ลักษณะการตกแต่งที่บ่งบอกถึงความเป็น "มินิมอลสไตล์"

  • มีสเปซเหลือใช้เยอะ

ด้วยความที่สไตล์มินิมอลมีการใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น เน้นการเลือกใช้แต่ของที่จำเป็น และของตกแต่งเหล่านั้นต้องมีความเรียบง่าย ทำให้การตกแต่งสไตล์นี้ มีพื้นที่ว่างเหลืออยู่มาก คือเป็นอัตราส่วนโดยประมาณ Space 60% : Decoration 40%

  • ใช้สีน้อยๆ หรือสีโมโนโทนในการตกแต่ง

สไตล์มินิมอลจะใช้โทนสีในการตกแต่งไม่มากนัก และส่วนใหญ่จะเป็นสีพื้นที่ช่วยเพิ่มความสว่างให้กับห้อง โทนสีที่ใช้สำหรับบ้านสไตล์มินิมอล ควรเป็นสีออกโมโนโทนหรือสีอ่อนๆ อย่างเช่น สีขาว เทาอ่อน เทาเข้ม น้ำตาลอ่อน

  • เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น แต่จำเป็น และมีดีไซน์เฉพาะตัว

เฟอร์นิเจอร์ในแบบมินิมอลสไตล์ ถึงแม้จะมีความเรียบ ไม่เน้นรวดลาย แต่ดีไซน์ต้องดูทันสมัย หรือมีรูปทรงที่น่าสนใจ เช่น โคมไฟเรียบๆ หรือดีไซน์บางเฉียบ เก้าอี้พื้นๆ ที่ไม่มีลวดลาย แต่มีรูปทรงที่ดูมีคอนเซ็ปต์ ลดทอนความเยอะและไม่จำเป็นให้เหลือแต่ความเรียบง่ายที่ดูโดดเด่นในแบบของตัวเอง

Cozy Style สไตล์อบอุ่น

คอลเลคชั่นสีจากแบรนด์สีจระเข้

ขอบคุณภาพประกอบจาก Pinterest .com

Cozy Style

สไตล์ Cozy คือ การนำเอาความเข้าใจทั้งธรรมชาติ และอารมณ์ความรู้สึกของผู้อยู่อาศัยมาผสมผสานให้เป็นเรื่องราวเดียวกัน ถ่ายทอดผ่านองค์ประกอบในการตกแต่ง เช่น การปูพื้น โทนสี ของตกแต่ง เครื่องเรือนรวมทั้งเฟอร์นิเจอร์

โทนสีที่นิยมนำมาใช้คือเฉดสีที่สื่อถึงความเป็นธรรมชาติ อย่างเช่น กลุ่มสีเอิร์ธโทน ภาพรวมการจัดวางและตกแต่งภายใน โดยเน้นความโล่งและเปิดรับแสงในทุกด้าน ไม่เพียงแต่โทนสีและความส่องสว่าง หนึ่งเทคนิคที่ดีและห้ามพลาดในการตกแต่งบ้านในสไตล์ Cozy คือ เฟอร์นิเจอร์จากวัสดุธรรมชาติ โดยเฉพาะวัสดุตระกูลไม้ ไม่ว่าจะเป็น ไม้จริงหรือไม้สังเคราะห์

ลักษณะการตกแต่งที่บ่งบอกถึงความเป็น Cozy Style

  • วัสดุตกแต่งที่มีความเป็นธรรมชาติ

จุดสังเกตุอย่างแรกคือการตกแต่งในสไตล์ Cozy มักจะเลือกใช้วัสดุก่อสร้างหรือตกแต่งที่ทำมาจากธรรมชาติ หรือมี Mood&Tone ของความเป็นธรรมชาติ พื้น เพดาน ผนัง รวมทั้งเฟอรนิเจอร์ต่างๆ เช่น เครื่องเรือน ของตกแต่ง  มักจะมีงานไม้เป็นพระเอกหลักๆ รวมไปถึงวัสดุอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น งานหินอ่อน ปูนเปลือยสีโทนอ่อนๆ ไม้คอร์ก โดยสามารถใช้ไม้เทียมทดแทนได้ ซึ่งจุดเด่นของวัสดุดังกล่าวไม่ได้มีแค่ความสวยงามและการสร้างความรู้สึกที่ดี วัสดุจากธรรมชาติยังมีความแข็งแรง ทนทาน เหมาะสำหรับทุกสภาพอากาศอย่างแท้จริง

  • โทนสีและการตกแต่งที่เหมาะสมกับการพักผ่อน

สไตล์ Cozy จะมีจุดเด่นในเรื่องของการสร้างบรรยากาศ การเล่นกับความรู้สึกของผู้อยู่อาศัย โดยจะเน้นให้ความรู้สึกที่อบอุ่น เบาสบาย และสร้างความผ่อนคลาย ทำให้เกิดสภาวะแห่งความสงบสุขเมื่อก้าวเข้าบ้าน การเลือกใช้โทนสีจึงเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน โดยความผ่อนคลายนี้ถูกส่งผ่านทางการตกแต่งและโทนสีที่เลือกใช้ เช่น เฟอร์นิเจอร์สีเอิร์ธโทน หรือสีโทนสว่าง ที่สร้างบรรยากาศเย็นสบายตาและสร้างความสุขกับผู้อยู่อาศัย

  • ดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ตอบโจทย์การใช้งาน

แม้การตกแต่งแบบ Cozy จะเรียบง่าย แต่ก็ต้องตอบโจทย์การใช้พื้นที่ให้กับคนยุคนี้ได้เป็นอย่างดี อาจจะมีการใช้เทคนิคการกั้นห้องเพื่อจัดสรรพื้นที่แต่ละห้องให้เป็นสัดส่วน ครบครันโดยที่ต้องดูไม่รกมากจนเกินไป ถ้ายังคิดภาพไม่ออก ส่วนที่นอนก็เป็นแบบฟูกวางกับพื้น เพื่อให้จัดเก็บได้ง่าย หรือการใช้เบาะนั่งกับพื้นเพื่อแทนเก้าอี้ เป็นต้น เช่นเดียวกับการใช้พื้นไม้จริงและลามิเนตจะช่วยตอบโจทย์เรื่องราคาที่ไม่สูงมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความสวยงามและอายุการใช้งานที่ยาวนานพอสมควร

Tropical Style สไตล์ทรอปิคอล

คอลเลคชั่นสีจากแบรนด์สีจระเข้

ขอบคุณภาพประกอบจาก archdaily. com

Tropical Style

การตกแต่งแบบ Tropical Style เป็นศาสตร์ของการตกแต่งที่มีความสัมพันธ์แทรกซึมเข้ากับบริบทสภาพแวดล้อมธรรมชาติภายนอกทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างกลมกลืน ไม่ว่าจะเป็นแสงเงาธรรมชาติ ทิศทางลม อุณหภูมิ รวมถึงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน การออกแบบ Space จึงเน้นให้ผู้ใช้งานรับรู้ถึงปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา (เปรียบเสมือนสัจจะการรับรู้ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ) ผ่านการดีไซน์ผัง ช่องเปิด และการใช้วัสดุที่สัมพันธ์สอดคล้อง และให้กลิ่นอายธรรมชาติทั้งการรับรู้ด้วยการมองเห็น และการรับรู้ด้วยการสัมผัส เป็นต้น

Tropical Style  ใช้วัสดุแบบไหนในการตกแต่ง?

ไม้จริง ถือ เป็นวัสดุหลักในการตกแต่งในรูปแบบ Tropical Style เช่น ไม้ไผ่ และไม้เนื้อแข็งอื่นๆ เนื่องจากอัตลักษณ์ความเป็นตัวตนของไม้จริง ไม่ว่าจะเป็นความโดดเด่นของลายวงปี ผิวสัมผัสลายเสี้ยนไม้ และโทนสีที่ไม่ซ้ำกัน ยากที่จะมีวัสดุอื่นๆ มาทดแทนได้อย่างสมบูรณ์ 100% แต่ในปัจจุบัน มีการพัฒนาวัตถุดิบตกแต่งที่ทำจากวัสดุทดแทนไม้จริงมากขึ้น โดยมีการสร้างสรรค์ลวดลาย และโทนสีที่มีความใกล้เคียงไม้จริงมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้อาจจะไม่เหมือน 100% แต่ก็สามารถตอบโจทย์ในด้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงความคงทนต่อความชื้น และสภาพอากาศเข้ามาทดแทน จึงไม่ต้องแปลกใจที่ผู้คนยังคงนิยมนำไม้จริง และวัสดุทดแทนไม้จริงมาเป็นส่วนหนึ่งในการตกแต่งร่วมกับวัสดุอื่นๆ เช่น ปูน และเหล็ก รวมถึงของตกแต่งประเภทจักสานในท้องถิ่นได้อย่างลงตัว มีเสน่ห์

โทนสีที่แสดงออกถึงความเป็นสไตล์ Tropical

การเลือกใช้สีโทนธรรมชาติ เช่น สีน้ำตาล ,สีโทน Pastel  หรือ สี Earth Tone  ที่เป็นโทนอ่อน หรือ โทนอบอุ่นคู่กับสีขาว รวมทั้งการจัดพื้นที่เป็นสัดส่วน เน้นรูปแบบ Space ที่ให้บรรยากาศสงบเป็นส่วนตัว  และที่ขาดไม่ได้คือ  สีเขียวสดชื่นจากต้นไม้ที่ให้กลิ่นอายของธรรมชาติ 

Scandinavian Style สไตล์สแกนดิเนเวียน 

คอลเลคชั่นสีจากแบรนด์สีจระเข้

ขอบคุณภาพประกอบจาก lines-hub. com

Scandinavian Style

สไตล์สแกนดิเนเวียน (Scandinavian Style)  หรือบางครั้งเรียกว่า สไตล์นอร์ดิก (Nordic Style) เป็นคำที่ใช้เรียกการแต่งบ้านของคนในแถบยุโรปเหนือ  ที่ประกอบด้วยเดนมาร์ก นอร์เวย์  สวีเดน  และฟินแลนด์  เป็นสไตล์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว  ซึ่งรูปแบบของ Scandinavian  นี้ได้รับอิทธิพล  และแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ  หรือที่เรียกกันว่า Organic Form 

จึงทำให้เส้นสายออกมาดูนุ่มนวลกว่างาน  Modern  และยังเป็นจุดเรียกทางด้านการออกแบบ  Flexible Design  หรืออาจจะกล่าวได้ว่าให้ความสำคัญการยืดหยุ่นมาเป็นแนวทางในการออกแบบจึงเกิดรูปแบบที่อิสระ  และมักจะถูกนำมาผสมผสานการตกแต่งที่มีลวดลายแนว  Retro  ซึ่งเหมาะกับผู้ที่มีความทันสมัยอยู่ในตัวแต่ยังชอบความย้อนยุคที่สามารถร่วมสมัยได้  จึงเป็นอีกสไตล์หนึ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มีความน่าสนใจ

วัสดุจะนิยมใช้

ไม้ไพน์ (Pine) หรือเบิร์ช (Birch)  แบบดิบๆ เปลือยให้เห็นพื้นผิวของวัสดุ นำมาตกแต่งทำพื้นและผนัง  รวมถึงนำมาทำเฟอร์นิเจอร์โดยการลงสีก็จะเป็นการลงสีแบบดิบๆ  ซึ่งในปัจจุบันมีการนำไม้ที่ทำจากวัสดุทดแทนมาใช้ผสมผสานกับไม้จริงในการตกแต่งมากขึ้น  เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่ชอบความรวดเร็วเพื่อประหยัดเวลา

โทนสีที่นิยมใช้ในการตกแต่งในสไตล์สแกนดิเนเวียน  เช่น  สีเนวี่บลู  สีแดง  สีเขียวเข้ม  และสีทอง มีการนำผ้ามาใช้ในการตกแต่งซึ่งมักจะมีลวดลายเล็กๆ ประปรายไปตามเนื้อผ้า  และที่ขาดไม่ได้คือผ้าลายตารางหมากรุกแบบสวีดิชสไตล์

Industrial Minimalism Style

คอลเลคชั่นสีจากแบรนด์สีจระเข้

ขอบคุณภาพประกอบจาก www.attitude-mag. com

Industrial Minimalism Style

คือสไตล์การตกแต่งที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากยุคอุตสาหกรรม ราวๆปี 1970 เมื่อโลกของการผลิตถูกเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมด้วยการนำเอาวัสดุใหม่ๆ อย่างโลหะ มาใช้ในการผลิตข้าวของเครื่องใช้รูปแบบของโรงงานอุตสาหกรรม และอาคารบ้านเรือน โดยถูกแสดงออกผ่านการตกแต่งที่มีลักษณะของความดิบ, วัสดุที่ไม่ได้ถูกปิดผิว, ลักษณะความด้านของโลหะ และการโชว์พื้นผิวรวมถึงรูปแบบสีของตัววัสดุนั้นๆ ประกอบกับการจัดพื้นที่แบบ Open Space มีช่องแสงขนาดใหญ่เพื่อรับแสงธรรมชาติ โดยปล่อยให้วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างเป็นตัวกำหนดโทนสี และอารมณ์ของสไตล์ ซึ่งทำให้สไตล์อินดัสเทรียลนี้ค่อนข้างมีความดิบ โดยวัสดุเด่นของสไตล์นี้ก็คือเหล็ก

ส่วนสไตล์มินิมอล คือการตกแต่งที่เรียบง่าย เน้นการใช้เฟอร์นิเจอร์แบบน้อยชิ้น แต่ละชิ้นต้องมากด้วยประโยชน์ อีกทั้งยังต้องไม่ทิ้งดีไซน์เรียบๆ ไม่ว่าจะด้วยรูปทรง สี และต้องไม่มีลวดลายมากนัก ซึ่งการจัดวางต่างๆ จะอยู่ในลักษณะที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย

การตกแต่งสไตล์ Industrial Minimalism จึงเป็นการนำเสน่ห์ของการตกแต่งทั้ง 2 สไตล์มาผสมผสานกันให้เกิดความลงตัว เช่นการนำเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งแบบมินิมอล มาตกแต่งร่วมกับวัสดุปิดผิว หรือโทนสีของห้องที่มีความเป็นอินดัสเทรียล โชว์พื้นผิววัสดุ แสดงออกถึงความเท่ แต่ก็จัดวางให้ดูเรียบและทันสมัยแบบมินิมอล

โทนสีที่แสดงออกถึงความเป็นสไตล์ Industrial Minimalism

  • สีขาว สีโทนเทา สีดำ สีส้ม สีน้ำตาล 

วัสดุที่แสดงออกถึงความเป็นสไตล์ Industrial Minimalism

  •  เหล็ก ไม้ ปูน 

Contemporary Style สไตล์ร่วมสมัย

คอลเลคชั่นสีจากแบรนด์สีจระเข้

ขอบคุณภาพประกอบจาก flavinarchitects. com

Contemporary Style

การตกแต่งในสไตล์ร่วมสมัย เป็นรูปแบบการตกแต่งที่อิสระและไม่ตายตัว ส่วนมากจะเป็นการผสมผสานระหว่างสไตล์ที่มากกว่า 1 สไตล์ และที่มักพบเห็นได้บ่อยก็คือการนำรูปแบบการตกแต่งแบบโมเดิร์น และคลาสสิก หรือวินเทจ เข้ามาตกแต่งร่วมกัน ซึ่งบ้านสไตล์ร่วมสมัยจะมีการนำวัสดุที่มีความเป็นธรรมชาติอย่าง "ไม้" มาใช้ในการตกแต่งบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการนำมาใช้เพื่อตกแต่งเป็นส่วนประกอบภายในบ้านตามอาคาร หรืออาจเป็นรูปแบบของเฟอร์นิเจอร์จากไม้ธรรมชาติ เสน่ห์ของการตกแต่งในสไตล์ร่วมสมัย คือสามารถผสมผสานการตกแต่งได้หลากหลาย เช่น การเลือกใช้วัสดุที่สามารถหาได้ง่ายในท้องถิ่นและนำมาตกแต่งร่วมกับโทนสี หรือเฟอร์นิเจอร์บางอย่างที่มีความโมเดิร์น

วัสดุแบบไหนที่บ่งบอกถึงความเป็น Contemporary Style

  • วัสดุประเภทไม้ หรือวัสดุจากพื้นถิ่นนั้นๆ
  • วัสดุประเภทเหล็ก อลูมิเนียม หรือวัสดุประเภททองเหลือง

โทนสีแบบ Contemporary Style

  • โทนสีเทา ครีม ขาว เอิร์ธโทน น้ำตาลอ่อน สีเขียว สีแดงเลือดหมู หรือสีทอง

หากคุณกำลังมองหาสีทาอาคารที่มีเฉดสีให้เลือกหลากหลาย และเหมาะกับทุกสไตล์การตกแต่ง นวัตกรรมสีทาอาคารจากธรรมชาติ ของแบรนด์สีจระเข้ ตอบโจทย์ทั้งด้านความปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ด้วยคุณสมบัติ...

  • ผลิตจากหินปูนธรรมชาติ 100%
  • ไร้กลิ่นสารเคมี ปลอดภัยต่อการหายใจของผู้อยู่อาศัย
  • ไร้สารก่อมะเร็ง ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายของผู้อยู่อาศัยทุกเพศ ทุกวัย
  • เป็นมิตรต่อผู้อยู่อาศัย สามารถเข้าอยู่ได้ภายใน 24 ชม. หลังทาสี
  • ช่วยระบายความร้อน และระบายอากาศได้ดี ลดการสะสมความร้อน
  • ช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นส่วนเล็กๆ ที่ช่วยลดโลกร้อน
  • ผ่านการรับรองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ โรคทางเดินหายใจ ไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง
  • ระบายความชื้นได้ดี ลดปัญหาสีลอกล่อนโป่งพอง ช่วยลดค่าใช้จ่ายในอนาคตจากการที่ต้องรีโนเวททาสีซ่อมแซมบ่อยๆ

ข้อมูลผลิตภัณฑ์ “นวัตกรรมสีจากธรรมชาติ”

  • กราฟคลีน พรีเมี่ยม

    วัสดุปิดผิวผนัง สีทาผนัง

    300 - 2,650 บาท/ลิตร

    Online
  • ไบโอสเฟียร์ พรีเมี่ยม

    วัสดุปิดผิวผนัง สีทาผนัง

    400 - 4,950 บาท/ลิตร

    Online
  • อีโคสเฟียร์ พรีเมี่ยม

    วัสดุปิดผิวผนัง สีทาผนัง

    350 - 4,300 บาท/ลิตร

    Online
  • สีจระเข้ คัลเลอร์ซีเมนต์

    วัสดุปิดผิวผนัง สีทาผนัง

    2,200 บาท/หน่วย

    Online
  • STUKI PREMIUM สตุคกี้ พรีเมี่ยม

    วัสดุปิดผิวผนัง สีทาผนัง

    ราคาเริ่มต้น 440 บาท/ชิ้น

    Online
  • สตัคโค (BOND) สีรองพื้น/สตัคโค (STYLE) สีทับหน้า

    วัสดุปิดผิวผนัง สีทาผนัง

    2,040 บาท/เซท

    Online
แพลตฟอร์ม และเครื่องมือสำหรับการออกแบบตกแต่งบ้าน และงานสถาปัตยกรรม
โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ ตั้งแต่ สถาปนิก แบรนด์สินค้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ...

บทความอื่นๆ จากผู้เขียน

โพสต์เมื่อ

การออกแบบ และเลือกใช้วัสดุ
หน้าต่างในงานสถาปัตยกรรม (Window type in architecture)

บทความที่เกี่ยวข้อง

...

โพลสำรวจ

ถาม-ตอบ

Wazzadu.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของคุณ