Loft & Industrial Style นิยามการตกแต่งที่ให้กลิ่นอายความดิบเท่ ได้อย่างมีเสน่ห์
สวัสดีครับนักอ่านผู้แสวงหาไอเดียสไตล์การตกแต่งและความรู้ใหม่ๆ วันนี้ WAZZADU นำไอเดียทางด้านสไตล์ และการใช้วัสดุมาฝากกันอีกแล้ว ซึ่งวันนี้ว่าด้วยเรื่องของสไตล์การตกแต่งที่กำลังได้รับความนิยมสูงในยุคนี้ ซึ่งก็คือ Loft & Industrial Style นั่นเอง เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการตกแต่งที่น่าสนใจสำหรับท่านผู้อ่าน อย่ารอช้ามาชมกันเลยครับ
แม้ในปัจจุบัน โลกของเราล้วนมีความก้าวหน้า สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆก็มีความทันสมัยมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ปัจจัย 4 ในการอยู่อาศัยอย่างงานสถาปัตยกรรมก็ถูกพัฒนาให้ดูหรูหรา สวยงามทันสมัย ไม่ต่างจากสิ่งอื่นๆในการดำรงชีวิต แต่ท่ามกลางความทันสมัย และความวุ่นวายในยุคโซเชียลของปัจจุบัน ผู้คนเริ่มมีความเบื่อหน่ายความเป็นโมเดิร์นแบบเดิมๆที่ความทันสมัยกำลังเกลื่อนเมือง แต่กลับถวิลหากลิ่นอายในอดีตมากขึ้น เพื่อต้องการความผ่อนคลายจากความวุ่นวายในสังคมยุคใหม่ โดยมักจะใช้เวลาของตัวเองในการเสพสุนทรียภาพ และบรรยากาศ ดั่งที่เรามักจะเห็นผู้คนมากมายไปนั่งชิลในร้านกาแฟ หรือร้านอาหารที่มีการตกแต่งชิคๆ ทั้งแนวลอฟท์ และอินดัสเทรียล ซึ่งให้บรรยากาศในอดีต ด้วยอารมณ์ที่แปลกใหม่ท่ามกลางสังคมยุคทันสมัย
เมื่อกล่าวมถึงตอนนี้หลายๆคนอาจจะฉุกคิดขึ้นมาว่า แล้วแนวการตกแต่งแบบลอฟท์ และอินดัสเทรียล มีที่มาที่ไปอย่างไร มีอะไรพิเศษ ทำไมถึงได้รับความนิยมมากในยุคนี้ เราจะพาคุณไปหาคำตอบครับ สถาปัตยกรรมสไตล์ อินดัสเทรียล (Industrial Style) คือสไตล์การตกแต่งที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากยุคอุตสาหกรรม ราวๆปี 1970 เมื่อโลกของการผลิตถูกเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมด้วยการนำเอาวัสดุใหม่ๆอย่างโลหะ มาใช้ในการผลิตข้าวของเครื่องใช้รูปแบบของโรงงานอุตสาหกรรม และอาคารบ้านเรือน โดยถูกแสดงออกผ่านการตกแต่งที่มีลักษณะของความดิบ, วัสดุที่ไม่ได้ถูกปิดผิว, ลักษณะความด้านของโลหะ และการโชว์พื้นผิวรวมถึงรูปแบบสีของตัววัสดุนั้นๆ ประกอบกับการจัดพื้นที่แบบ Open Space มีช่องแสงขนาดใหญ่เพื่อรับแสงธรรมชาติ โดยปล่อยให้วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างเป็นตัวกำหนดโทนสี และอารมณ์ของสไตล์ ซึ่งทำให้สไตล์อินดัสเทรียลนี้ค่อนข้างมีความดิบ โดยวัสดุเด่นของสไตล์นี้ก็คือเหล็กนั่นเอง
ในปัจจุบันการตกแต่งโดยใช้เหล็กแบบปกติเริ่มดูเฉยเมยไปแล้ว ในช่วงหลังนักออกแบบจึงได้หยิบนำพื้นผิวของเหล็กที่เป็นสนิมมาเป็นลูกเล่นใหม่ในการตกแต่งสไตล์นี้กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ โรงแรม รีเทล หรือ บาร์ เป็นต้น และการจะใช้เหล็กจริงที่เป็นสนิมมาตกแต่งเลย ก็มักจะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง อาทิ ต้องใช้เวลากัดกร่อนหน้าเหล็กให้เกิดสนิม ปัญหาเรื่องฝุ่นผง การผุกร่อนเมื่อใช้ไปนานๆ น้ำหนักที่มาก และปัญหาเรื่องการดูแลรักษา จึงทำให้นักออกแบบหลายๆคนหันมาใช้วัสดุปิดผิว ที่ให้ผิวสัมผัสแบบสนิม เพราะติดตั้งได้เร็ว ทนทาน ดูแลง่าย และไม่ก่อปัญหาเรื่องฝุ่นผง และหากผู้อ่านสนใจวัสดุปิดผิวลายสนิม สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ Duropal ได้เลยครับ
และถ้าหากพูดถึงสถาปัตยกรรมสไตล์ลอฟท์ (Loft Style) หลายๆ คนคงนึกถึง โกดัง เหล็ก ท่อ หรือวัสดุที่เปลือยดิบ เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นอะไรที่สื่อถึงสไตล์ลอฟต์เอามากๆ ซึ่งจริงๆ แล้วจุดกำเนิดของสไตล์ลอฟต์เกิดขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ที่เกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้มีโรงงาน โกดังร้างเป็นจำนวนมาก จึงเป็นผลพลอยได้ให้คนไร้ที่อยู่เข้าไปใช้พื้นที่ในโกดังเหล่านั้นเป็นที่พัก จนภายหลังได้กลายมาเป็นสไตล์ลอฟต์นั้นเอง โดยตัวตนของความเป็นสไตล์ลอฟท์ถูกขับอารมณ์ และถ่ายทอดลักษณ์เด่นผ่านวัสดุซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของสไตล์นี้ อย่าง ปูนเปลือย ปูนขัดมัน อิฐ ไม้ โครงสร้างเหล็ก ซึ่งเป็นที่มาของความดิบเท่ ประกอบกับลักษณะพื้นที่ ในรูปแบบเพดานสูง มีพื้นที่โล่งเรียบง่ายที่เน้นการใช้งาน และการโชว์งานระบบต่างๆ ภายในอาคาร เป็นต้น
ซึ่งในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีทางด้านวัสดุได้พัฒนาขึ้นมามาก จึงทำให้มีตัวเลือกที่มากขึ้นเพื่อช่วยแก้ไขข้อจำกัดในด้านต่างๆในขั้นตอนการตกแต่ง อาทิ ช่วยลดเวลาการก่อสร้าง การควบคุมคุณภาพที่ดี และมลพิษที่ตกค้างหลังจากตกแต่งเสร็จ ผู้คนในยุคนี้จึงหันมาสนใจวัสดุปิดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งวัสดุปิดผิวลายต่างๆที่นิยมใช้ในการตกแต่งสไตล์ลอฟท์ ได้แก่ วัสดุปิดผิวลายไม้ ลายปูนเปลือย เป็นต้น ซึ่งผู้อ่านสามารถดูรายละเอียดวัสดุปิดผิวทั้ง 2 ลวดลายที่กล่าวมาเพิ่มเติมได้ที่ เพจ Duropal ได้เลยครับ
#Wazzadu #Decorativesocialplatform #Durapal #SwSiamWoodland #SiamWoodland #SW
Credit Photo :
cenario3d.wordpress.com
homeadore.com
residencestyle.com
www.digsdigs.com
ผู้เขียนบทความ
