เปรียบเทียบคุณสมบัติ หินแกรนิต Vs. หินควอร์ตไซต์ Vs. หินอ่อน (Specification Performance : Granite Vs. Quartzite Vs. Marble)
การใช้หินธรรมชาติตกแต่งท็อปครัวเป็นที่นิยมมาก เพราะให้ความรู้สึกที่หรูหรา แข็งแรง และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากลวดลายของหิน ซึ่งหินที่ Wazzadu Encyclopedia จะพาไปทำความรู้จักในวันนี้มี 3 ชนิดด้วยกันนั่นคือ หินแกรนิต, หินควอตซ์ และ หินอ่อน ทั้งหมดล้วนเป็นหินธรรมชาติ ทำให้มีข้อดีและข้อควรระวัง ดังนั้นวันนี้เรามารู้จักกับหินทั้งสามชนิดให้ดีก่อนจะเลือกนำไปใช้งานกันครับ
หินแกรนิต (Granite)
หินแกรนิต คือ หินอัคนีแทรกซ้อนที่เกิดจากการเย็นตัวอย่างช้า ๆ ของแมกมาใต้เปลือกโลก ทำให้มีผลึกแร่ขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้ชัดเจนด้วยตาเปล่า ประกอบด้วยแร่หลักคือ ควอตซ์ และเฟลด์สปาร์ เป็นส่วนใหญ่ ทำให้มีความแข็งแรงค่อนข้างสูง โดยจะมีสีขาวขุ่น ๆ จากแร่เฟลด์สปาร์ สีเทาใสจากแร่ควอตซ์ รวมถึงสีดำจากแร่ฮอร์นเบลนด์
ด้วยคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทาน และมีความหนาแน่นสูง ทำให้หินแกรนิตถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลายในงานก่อสร้าง พื้น ผนัง อนุสาวรีย์ และการตกแต่งต่าง ๆ โดยเฉพาะในการตกแต่งครัว เช่น เคาน์เตอร์, ไอส์แลนด์ครัว ฯ
ลวดลาย
โดยปกติตัวลวดลายของหินจะมีความใกล้เคียงกันทั้งแผ่น แต่ในหินบางชนิดที่มีความ Exotic มาก ๆ ก็จะมีลวดลายที่แตกต่างออกไป มีให้เลือกหลากหลายสีสัน ตั้งแต่สีขาว สีเทา สีดำ ไปจนถึงสีแดง สีเขียว สีน้ำตาล และลวดลายของแต่ละแผ่นมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกัน
ตัวอย่างหินแกรนิต
- หินแกรนิตซิลเวอร์แบล็ค – Silver Black Granite
- หินแกรนิตขาวกำมะหยี่ – Velvet White Granite
- หินแกรนิตแดงอินเดีย(ดอกใหญ่) – Indian Red Granite (Large Grain)
- หินแกรนิตดำไทย – Thai black granite
คุณสมบัติของหินแกรนิต
- มีความแข็งแรงสูง ระดับความแข็งแรงตามโมห์สเกล (Mohs scale) อยู่ที่ระดับ 6 – 7
- ทนความร้อนสูง ทำให้สามารถวางหม้อร้อนหรือกระทะลงบนพื้นผิวได้โดยไม่เสียหาย
- ทนต่อแรงกระแทกและรอยขีดข่วนได้ดีกว่าหินอ่อนและหินปูน คนส่วนใหญ่จึงนิยมนำไปติดตั้งในส่วนที่จะต้องมีการใช้งานหนัก เช่น ปูพื้นภายใน ภายนอก และนิยมนำท็อปครัว
- ผิวสัมผัสมันวาวเมื่อขัด สามารถทำเป็นผิวด้าน (Honed) หรือผิวหยาบ (Flamed) ได้
วิธีดูแลรักษาหินแกรนิต (Granite Care Guide) สำหรับท็อปครัว
1. การทำความสะอาดประจำวัน
- โดยการเช็ดด้วยผ้าสะอาดชุบน้ำหมาด ๆ หรือฟองน้ำ ใช้น้ำสบู่อ่อน ๆ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหินโดยเฉพาะ แล้วจึงเช็ดให้แห้งทุกครั้งหลังทำความสะอาดเพื่อป้องกันคราบน้ำ
- ห้ามใช้น้ำยาที่มี กรดหรือด่างแรง (เช่น น้ำส้มสายชู, น้ำยาล้างห้องน้ำ, น้ำยาฟอกขาว) เพราะทำให้ผิวหินหมอง, น้ำยาขัดพื้นหรือผงซักฟอกที่มีสารกัดกร่อน
- ไม่ควรหั่นอาหารโดยตรงบนพื้นหิน ควรใช้เขียงรองหั่นอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีกรด (เช่น มะนาว มะเขือเทศ)
- แม้หินจะทนความร้อนแต่การวางหม้อร้อน ๆ ซ้ำ ๆ จะทำให้เกิดรอยด่าง จึงควรใช้แผ่นรองหม้อรองทุกครั้ง
- เช็ดคราบที่หกเลอะทันที ไม่ปล่อยทิ้งไว้
2. การดูแลรักษาในระยะยาว
- หินแกรนิตควรซีลผิวทุก 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน เนื่องจากการซีลจะช่วยป้องกันน้ำและน้ำมันซึมเข้ารูพรุนของหิน มีวิธีเช็คว่าควรซีลหรือยังง่าย ๆ เพียงหยดน้ำลงบนหิน หากน้ำเกาะเป็นหยดกลม ๆ แสดงว่ายังใช้งานได้ดี ถ้าน้ำซึมเข้าไปทันที แสดงว่าถึงเวลาซีลแล้ว
- ขัดผิวใหม่ (Polishing) ทุก 3 – 5 ปี เพื่อให้หินกลับมามีความเงางาม
- ตรวจเช็คแนวรอยต่อและซิลิโคนรอบซิงก์/เตา เพื่อป้องกันน้ำซึมเข้าใต้แผ่นหิน
- เมื่อเราดูแลรักษาหินแกรนิตเป็นอย่างดี จะทำให้มีอายุการใช้งานยาวนาน 20 – 30 ปีขึ้นไป
- ข้อดีของหินแกรนิต
- แข็งแรง ทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน
- ไม่เป็นรอยง่าย
- ทนความร้อนสูง
- มีสีและลายให้เลือกหลากหลาย
ข้อควรระวังและข้อจำกัดของหินแกรนิต
- หินแกรนิตมีรูพรุนเล็กน้อย จึงต้องซีลผิว (Sealing) ทุก 6 – 12 เดือน เพื่อป้องกันคราบน้ำมัน ไวน์ หรือกาแฟ
- หากโดนกรดเข้มข้นบ่อย ๆ อาจทำให้ผิวหมองลง
- น้ำหนักมาก จำเป็นต้องใช้โครงสร้างเคาน์เตอร์ที่แข็งแรงรองรับน้ำหนัก
- การนำหินแกรนิตไปประยุกต์ใช้ในงานตกแต่งครัว
- ท็อปครัว (Countertop)
- ไอส์แลนด์กลางครัว (Island Counter)
- ผนังกันเปื้อน (Backsplash)
- พื้นครัวที่ต้องการความทนทาน
ขนาดที่นิยมใช้งาน
- มีตั้งแต่ 40 x 80 ซม., 60 x 60 ซม., 120 x 240 ซม. และตัดตามขนาด
- ความหนาตั้งแต่ 18 มม., 20 มม. และ 30 มม.
ตัวอย่างแบรนด์หินแกรนิต Top ครัว
- Siamtak
- Bangkok Modern Granite (BMG)
- Cosentino
หินควอร์ตไซต์ (Quartzite)
หินควอร์ตไซต์ คือ หินแปรธรรมชาติ ที่เกิดจากการแปรสภาพของหินทรายภายใต้ความร้อนและความดันสูงในเปลือกโลก ทำให้ผลึกควอตซ์ในหินทรายเชื่อมประสานกันอย่างหนาแน่น หินควอร์ตไซต์จึงเป็นหินที่มีความคงทนมากที่สุดชนิดหนึ่ง มีความแข็งแกร่ง ทนทานต่อความร้อน รอยขีดข่วน และการกัดกร่อนสูง
หากเกิดจากทรายแก้วบริสุทธิ์จะได้หินควอร์ตไซต์ที่มีสีขาวไปจนถึงสีเทา แต่มักมีแร่อื่น ๆ เจือปนทำให้หินมีสีที่แตกต่างกันไปตามชนิดแร่ในหิน แต่ความบริสุทธ์นั้นไม่ได้เป็นตัวกำหนดราคาของหินควอร์ตไซต์ แต่เป็นเรื่องของสีสันและลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ที่ดึงดูดสายตารวมถึงความแข็งแรงที่ดึงดูดใจผู้คน นิยมนำมาใช้ในงานตกแต่งต่าง ๆ เช่น ท็อปเคาน์เตอร์ครัว ผนัง พื้น เป็นต้น
ลวดลาย
ลวดลายของหินควอร์ตไซต์นั้นมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับแร่ที่เจือปนและกระบวนการแปรสภาพ ซึ่งอาจมีลักษณะเป็นเส้นแร่ที่ไม่ขนานกัน สีสันหลากหลาย เช่น ขาว เทา ชมพู ม่วง เหลือง ส้ม น้ำตาล เขียว หรือฟ้า และอาจมีลวดลายเฉพาะตัว เช่น ลายแต้ม หรือลายเส้นที่คล้ายลายหินอ่อน
ตัวอย่างหินควอร์ตไซต์
- Taj Mahal Quartzite
- Sea Pearl Quartzite
- Azul Macaubas Quartzite
- White Macaubas Quartzite
คุณสมบัติของหินควอร์ตไซต์
หินควอร์ตไซต์ จะเป็นหินที่มีความแข็งแรงมากที่สุดในหินทั้ง 3 ชนิด เพราะจะประกอบไปด้วยแร่ควอตซ์เป็นหลัก ทำให้มีค่าความแข็งแรงของโมห์สเกล (Mohs scale) อยู่ที่ระดับ 7 จึงเหมาะสำหรับการนำไปตกแต่งหลากหลายจุด โดยเฉพาะจุดที่ใช้งานหนักอย่างเช่น ท็อปครัว
- ทนความร้อนมาก เหมาะกับท็อปครัว สามารถวางหม้อร้อนชั่วคราวได้
- ทนต่อรอยขีดข่วน
- ทนกรด ทนด่าง
- ผิวสัมผัสเงางามเมื่อขัด และมีลายเส้นธรรมชาติคล้ายหินอ่อน
- พื้นผิวที่ไม่มีรูพรุน จึงไม่ทิ้งคราบฝังแน่น ลดการเกิดเชื้อรา กลิ่นอับ และแบคทีเรีย
วิธีดูแลรักษาหินควอร์ตไซต์ (Quartzite) สำหรับท็อปครัว
1.การทำความสะอาดประจำวัน
- ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือฟองน้ำชุบน้ำสะอาดเช็ด
- หากมีคราบมันให้ใช้น้ำสบู่อ่อน ๆ (ค่า pH เป็นกลาง) ผสมน้ำอุ่นเช็ด
- ควรเช็ดให้แห้งเสมอหลังทำความสะอาด เพื่อป้องกันคราบน้ำ
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาที่มี กรดหรือด่างแรง เช่น น้ำส้มสายชู น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาฟอกขาว เพราะจะกัดผิวหิน
- หลีกเลี่ยงน้ำยาขัดที่มีผงขัด เพราะอาจทำให้ผิวหินด้านหรือเป็นรอย
- ไม่ควรหั่นอาหารโดยตรงบนหิน เพราะจะเสี่ยงเกิดรอย
- ควรใช้เขียงรองหั่นอาหาร โดยเฉพาะของที่เป็นกรด เช่น มะนาว มะเขือเทศ
- แม้หินจะทนความร้อน แต่การวางหม้อร้อนซ้ำ ๆ อาจทำให้เกิดรอยด่างได้ จึงควรใช้ที่รองภาชนะเสมอ
- ควรเช็ดที่หกเลอะทันที ไม่ปล่อยทิ้งไว้
2. การดูแลรักษาในระยะยาว
- ควรซีลผิวทุก 6 – 12 เดือน (ขึ้นกับการใช้งานจริง) การซีลจะช่วยป้องกันน้ำและน้ำมันซึมเข้ารูพรุน รวมทั้งยังทำให้หินทนคราบและใช้งานง่ายขึ้น วิธีเช็คว่าควรซีลหรือยัง เพียงแค่หยดน้ำลงบนหิน หากน้ำเกาะเป็นหยดกลม ๆ แสดงว่ายังใช้งานได้ดี ถ้าน้ำซึมเข้าไปทันทีแสดงว่าถึงเวลาซีลแล้ว
- ขัดผิว (Polishing) ทุก 3 – 5 ปี เพื่อให้ความเงางามกลับมา
- ตรวจสอบรอยต่อรอบซิงก์/เตา และซิลิโคนกันน้ำ เพื่อป้องกันความชื้นซึมลงใต้แผ่นหิน หากมีรอยลึกหรือรอยแตก ควรเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญซ่อมแซมทันที
- เมื่อเราดูแลรักษาหินควอร์ตไซต์เป็นอย่างดี จะทำให้มีอายุการใช้งานยาวนาน 20 – 30 ปีขึ้นไป
ข้อดีของหินควอร์ตไซต์
- ลายหินสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำกัน
- แข็งแรงมาก ใช้งานหนักได้
- ทนต่อรอยขีดข่วนและความร้อน
- อายุการใช้งานยาวนาน
- สามารถติดตั้งในจุดที่มีการใช้งานหนักอย่างครัวไทย ที่มีการโขก การสับ การทำอาหารต่าง ๆ อย่างจริงจัง
- พื้นผิวไม่มีรูพรุน ช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และเชื้อราที่จะแทรกเข้าไปในพื้นผิว
- หินควอตซ์ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถใช้งานในโรงพยาบาลและใช้ในพื้นที่ประกอบอาหารได้
ข้อควรระวังและข้อจำกัดของหินควอร์ตไซต์
- ราคาสูงกว่าหินแกรนิตและหินอ่อนหลายชนิด
- จำเป็นต้องซีลผิว (Sealing) ทุก 6 – 12 เดือนเพื่อกันคราบ
- แม้จะแข็งแรงมาก แต่ในหินควอร์ตไซต์บางชนิดอาจมีเส้นสายที่เป็นจุดอ่อน เสี่ยงต่อการแตกร้าวเมื่อถูกกระแทกรุนแรง
- ไม่ควรนำวัตถุที่มีความร้อนสูงสัมผัสตัวหินโดยตรง ควรจะมีผ้ารองหรือแผ่นกันความร้อนรองก่อนแล้วค่อยวาง
- การนำหินควอร์ตไซต์ไปประยุกต์ใช้ในงานตกแต่งครัว
- ท็อปครัว (Countertop)
- ไอส์แลนด์กลางครัว (Island Counter)
- เหมาะกับการนำไปทำเป็นผนังหรือจุดที่ต้องการโชว์ลายของหิน ด้วยเอกลักษณ์ของลายหินนั้นเอง โดยสามารถทำด้วยการต่อลายได้หลายแบบ เช่น Bookmatch, Vein Matching ฯ
ขนาดที่นิยมใช้งาน
- ขนาดมาตรฐาน 30 x 60 ซม., 40 x 80 ซม., 120 x 240 ซม. และตัดตามขนาด
- ความหนาตั้งแต่ 18 มม., 20 มม. และ 30 มม.
ตัวอย่างแบรนด์หินควอร์ตไซต์ Top ครัว
- MSI Surfaces
- Stone Surfaces Thailand
- SIAS Stones
หินอ่อน (Marble)
หินอ่อน คือ หินปูนหรือแคลเซียมคาร์บอเนตที่มีผลึกแร่คัลไซต์เป็นส่วนประกอบหลัก ทับถมกันเป็นชั้นประกอบกับความร้อนและแรงดันที่เกิดจากแมกมาของภูเขาไฟใต้ทะเล รวมถึงปัจจัยสภาพแวดล้อมทางธรณีวิทยาอันหลากหลาย จึงเกิดการประสานกันของผลึกภายในตัวหิน ทำให้หินเกิดลวดลายที่สวยงามด้วยเส้นสีสันอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว หินอ่อนจึงได้รับความนิยมทั่วโลก
หินอ่อนในประเทศไทยนั้นมีลวดลายไม่ชัดเจน อาจมีก้อนสี/เส้นสีที่เกิดจากสายแร่หรือคาร์บอนเจือปน พบมากทางภาคเหนือ ภาคอีสาน และบางจังหวัดของภาคใต้ ในประเทศไทย หินอ่นในไทยมักมีหินอื่นเจือปนอยู่เป็นจำนวนมาก สีของลายจึงไม่สม่ำเสมอ เมื่อนำมาปูพื้นเป็นพื้นที่สเกลใหญ่ ๆ มักเกิดการเพี้ยนของสี แม้จะเป็นหินอ่อนที่มาจากแหล่งเดียวกัน ดังนั้นเวลาใช้หินอ่อนปูพื้นในขนาดสเกลใหญ่ ๆ คนจึงนิยมใช้หินอ่อนที่สั่งจากต่างประเทศมากกว่าในไทย
ลวดลายของหินอ่อน
ลวดลายของหินอ่อนนั้นมีลักษณะเป็นลายเส้นหรือมีผลึกผสม ในอัตราส่วนมากน้อยไม่เท่ากัน ซึ่งหินอ่อนบางแผ่นอาจมีแค่โทนสีอย่างเดียวโดยไม่มีลวดลายเลยก็ได้
หินอ่อนโดยทั่วไปมีหลายสี เช่น สีขาว , เทา, น้ำตาล ,ชมพู, เขียวผสมขาว, สีชมพูเจือขาว, สีขาวขุ่นมีเส้นสีเทาเจือเล็ก ๆ, สีเขียวเข้ม ฯลฯ
ตัวอย่างหินอ่อนในประเทศ
- หินอ่อนสีขาว (White Marble) - สระบุรี, นครราชสีมา
- หินอ่อนสีดำ (Black Marble / Nero Marble) - ตาก, แพร่
- หินอ่อนสีชมพู (Pink Marble) - นครราชสีมา, สระบุรี
ตัวอย่างหินอ่อนต่างประเทศ
- Calacatta Marble , อิตาลี
- Emperador Marble , สเปน
- Volakas Marble , กรีซ
คุณสมบัติของหินอ่อน
- หินอ่อนมีค่าความแข็งแรงของโมห์สเกล (Mohs scale) อยู่ที่ระดับ 3 – 4 น้อยกว่าหินแกรนิตและควอร์ตไซต์
- หินอ่อนเป็นวัสดุที่ให้ความเงางาม หรูหรา ด้วยลวดลายที่เป็นธรรมชาติ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- มีความทนทาน (ไม่ผุ ไม่บวม ไม่กรอบ ไม่ขึ้นสนิม เหมือนวัสดุอื่น ๆ)
- มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ถ้าดูแลอย่างสม่ำเสมอและเหมาะสมหินอ่อนสามารถมีอายุการใช้งานได้นับ 100 ปี เราจึงมักเห็นหินอ่อนตามการตกแต่งพระราชวัง ปราสาท ฯ ที่อยู่มานานนับร้อยปี
- ติดตั้งและทำความสะอาดได้ง่าย
- พื้นผิวเรียบและเนียน สามารถขัดเงาได้
วิธีดูแลรักษาหินอ่อน (Marble Care Guide) สำหรับท็อปครัว
1.การทำความสะอาดประจำวัน
- ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือฟองน้ำชุบน้ำหมาด ๆ สามารถผสมน้ำสบู่อ่อน (pH เป็นกลาง) เช็ดคราบเล็ก ๆ
- ควรเช็ดให้แห้งทุกครั้งหลังทำความสะอาด เพื่อป้องกันคราบน้ำ
- หลีกเลี่ยงน้ำยาที่มี กรด/ด่างแรง เช่น น้ำส้มสายชู น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาฟอกขาว เพราะจะทำให้ผิวหินอ่อนด่างหรือหมอง รวมถึงน้ำยาขัดที่มีผงขัด เพราะจะทำใเกิดรอยด้านได้
- ควรใช้เขียงรองหั่นอาหาร โดยเฉพาะของที่เป็นกรด เช่น มะนาว มะเขือเทศ
- แม้หินจะทนความร้อน แต่การวางหม้อร้อนซ้ำ ๆ อาจทำให้เกิดรอยด่างได้ จึงควรใช้ที่รองภาชนะเสมอ
- ควรเช็ดที่หกเลอะทันที ไม่ปล่อยทิ้งไว้
2. การดูแลรักษาในระยะยาว
- ควรซีลผิวทุก 6 – 12 เดือน (ขึ้นกับการใช้งานจริง) การซีลจะช่วยป้องกันน้ำและน้ำมันซึมเข้ารูพรุน รวมทั้งยังทำให้หินทนคราบและใช้งานง่ายขึ้น วิธีเช็คว่าควรซีลหรือยัง เพียงแค่หยดน้ำลงบนหิน หากน้ำเกาะเป็นหยดกลม ๆ แสดงว่ายังใช้งานได้ดี ถ้าน้ำซึมเข้าไปทันทีแสดงว่าถึงเวลาซีลแล้ว
- ขัดผิว (Polishing) ทุก 2–5 ปี เพื่อความเงางาม
- ตรวจสอบรอยต่อรอบซิงก์/เตา และซิลิโคนกันน้ำ เพื่อป้องกันความชื้นซึมลงใต้แผ่นหิน หากมีรอยลึกหรือแตกควรเรียกช่างมืออาชีพมาซ่อม
เมื่อเราดูแลรักษาหินอ่อนเป็นอย่างดี จะทำให้มีอายุการใช้งานยาวนาน 10 – 15 ปีขึ้นไปขึ้นไป
ข้อดีของหินอ่อน
- ลวดลายหรูหรา ไม่ซ้ำใคร
- ให้ความรู้สึก คลาสสิกและพรีเมียม
- ทำให้ห้องสว่างและโปร่ง
- พื้นผิวเย็นเหมาะกับการรีดแป้ง หรือ ทำเบเกอรี
ข้อควรระวังและข้อจำกัดของหินอ่อน
- หินอ่อนมีรูพรุน ทำให้ซึมซับน้ำ น้ำมัน และคราบต่าง ๆ ได้ง่าย
- เป็นรอยขีดข่วนและบิ่นได้ง่าย
- ไวต่อกรด เช่น น้ำมะนาว น้ำส้มสายชู น้ำยาล้างบางชนิด จะทำให้ผิวหินอ่อนหมองหรือด่าง
- ราคาสูง โดยเฉพาะหินอ่อนหายาก เช่น Calacatta, Statuario
- การนำหินอ่อนไปประยุกต์ใช้ในงานตกแต่งครัว
- ท็อปครัว (Countertop)
- ไอส์แลนด์กลางครัว
- เคาน์เตอร์บาร์
- ใช้ในงานตกแต่งที่เน้นความ สวยงามและหรูหรา เช่น พื้น ผนัง หรืออ่างล้างหน้า
ขนาดที่นิยมใช้งาน
- มีตั้งแต่ 15 x 30 ซม., 30 x 60 ซม., 60 x 60 ซม., 80 x 80 ซม. และและตัดตามขนาด
- ความหนาตั้งแต่ 1 - 3 ซม.
ตัวอย่างแบรนด์หินอ่อน Top ครัว
- Siamtak
- Anmar Bangkok
จะเห็นว่าหินแต่ละชนิดมีคุณสมบัติ ข้อดีและข้อควรระวังที่ต่างกัน ควรศึกษาให้ดี เพื่อที่จะนำไปเลือกใช้ให้เหมาะกับการใช้งานและสไตล์ของครัวคุณครับ
อ้างอิง : www.siamtak.com
ผู้เขียนบทความ
โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ ตั้งแต่ สถาปนิก แบรนด์สินค้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ... อ่านเพิ่มเติม