ข้อกำหนดและกฎหมายการใช้วัสดุกระจกในอาคาร (Building Glass Regulation for Architecture)
วัสดุกระจก (Glass Material) เป็นวัสดุยอดนิยมที่ถูกนำมาใช้ในงานออกแบบสถาปัตยกรรม ด้วยคุณสมบัติเด่นคือโปร่งใส โปร่งแสง มองทะลุเห็นวิวภายนอก ทำให้จากห้องสี่เหลี่ยมทึบ ๆ ดูโปร่งโล่งขึ้นทันใด แต่การนำวัสดุชนิดนี้มาใช้นั้นมีข้อกำหนดที่สถาปนิกและผู้ที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องรู้
วันนี้ Wazzadu Encyclopedia ขอพาทุกท่านไปรู้จักกับข้อกำหนดและกฎหมายการใช้วัสดุกระจกในอาคารว่ามีอะไรบ้าง ข้อแตกต่างระหว่างอาคารที่พักอาศัยและอาคารสาธารณะ โดยอ้างอิงตามกฎกระทรวง กำหนดวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารประเภทควบคุมการใช้ พ.ศ. 2566 และข้อกำหนดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องครับ เริ่มจากการทำความรู้จักอาคารที่พักอาศัยและอาคารสาธารณะกันก่อนครับ
อาคารที่พักอาศัย (Residential building)
คือ อาคารซึ่งโดยปกติบุคคลใช้อยู่อาศัยได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นการอยู่อาศัยอย่างถาวรหรือชั่วคราว
อาคารสาธารณะ (Public building)
คือ อาคารที่ใช้เพื่อประโยชน์ในการชุมนุมคนได้โดยทั่วไป เพื่อกิจกรรมทางราชการ การเมือง การศึกษา ศาสนา สังคม การนันทนาการ หรือพาณิชยกรรม เช่น โรงมหรสพ, หอประชุม, โรงแรม, โรงพยาบาล, สถานศึกษา, ห้างสรรพสินค้า, ศูนย์การค้า, ศาสนสถาน เป็นต้น
อาคารที่ใช้วัสดุกระจกมากในการออกแบบ ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารประเภทตึกสูงหรืออาคารสาธารณะที่มีพื้นที่การใช้งานใหญ่กว่าอาคารที่พักอาศัยธรรมดา เรามาดูกันครับว่าตามกฎกระทรวง ข้อกำหนดวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารประเภทควบคุมการใช้ พ.ศ. 2566 ได้กำหนดการใช้วัสดุกระจกว่าอย่างไร
มาตราในกฎกระทรวงปี 2566 ว่าด้วยวัสดุก่อสร้างอาคารควบคุมการใช้ “กระจก”
ข้อ 17
กระจกที่ใช้เป็นผนังภายนอก ประตู หน้าต่าง และช่องเปิดของผนังภายนอก
ของอาคารสูง อาคารขนาดใหญ่ และอาคารขนาดใหญ่พิเศษ ที่มีระดับความสูงตั้งแต่ชั้นที่สองขึ้นไป ต้องเป็นกระจกนิรภัยหลายชั้น เว้นแต่ช่องทางสำหรับการช่วยเหลือ ให้ใช้กระจกนิรภัยเทมเปอร์ และต้องทำเครื่องหมายช่องทางดังกล่าวให้เห็นอย่างชัดเจนทั้งภายนอกและภายในอาคารด้วย
ข้อ 18
กระจกที่ใช้เป็นผนังภายใน ประตู หน้าต่าง และช่องเปิดของผนังภายใน
ของห้องโถงหรือทางเดินร่วมภายในอาคารสูง อาคารขนาดใหญ่ และอาคารขนาดใหญ่พิเศษ ต้องเป็นกระจกนิรภัยเทมเปอร์หรือกระจกนิรภัยหลายชั้น
กรณีประตูกระจกที่ไม่มีการยึดกรอบบาน และประตูกระจกและส่วนปิดกั้นของส่วนอาบน้ำ ต้องใช้กระจกนิรภัยเทมเปอร์
ข้อ 19
กระจกที่ยึดติดกับหรือใช้เป็นส่วนหนึ่งของราวกันตก ราวบันได และราวจับ
ต้องเป็น กระจกนิรภัยหลายชั้น แต่หากการติดตั้งกระจกดังกล่าวเป็นแบบไม่มีกรอบบาน กระจกในแต่ละชั้นต้องเป็นกระจกนิรภัยเทมเปอร์และสามารถป้องกันการร่วงหล่นได้หากกระจกเกิดการแตกร้าว
ข้อ 20
กระจกและระบบติดตั้งที่ใช้เป็นส่วนหนึ่งของผนังภายนอก ประตู หน้าต่าง ช่องเปิด หรือที่ใช้งานภายนอก
ต้องได้รับการออกแบบและคำนวณให้สามารถต้านทานแรงลมได้ โดยการคำนวณแรงลมให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมอาคารประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา
ระบบผนังกระจกต้องได้รับการออกแบบและคำนวณให้สามารถต้านทานแรงลมตามวรรคหนึ่ง และต้องพิจารณาการยืดหดตัวของผนังเนื่องจากความแตกต่างของอุณหภูมิด้วยระบบผนังกระจกของอาคารสูงที่อยู่ในบริเวณที่กำหนดในกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ต้องพิจารณาถึงการลดผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวด้วย
ข้อ 21
กระจกที่ใช้เป็นพื้นทางเดินหรือพื้นบันได
ต้องเป็นกระจกนิรภัยหลายชั้นและต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติการป้องกันการลื่นไถลด้วย โดยกระจกแต่ละชั้นต้องสามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้ ตามที่รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมอาคารประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา
ข้อ 22
กระจกที่ใช้ตกแต่งผิวภายนอกหรือใช้เป็นผนังภายนอก
ต้องมีปริมาณการสะท้อนแสงได้ไม่เกินร้อยละสามสิบ โดยการทดสอบปริมาณการสะท้อนแสงดังกล่าว ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมอาคารประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา
ข้อ 23
กระจกที่เอียงทำมุมกับแนวดิ่งเกินสิบห้าองศา และหลังคาช่องกระจก
ของอาคารสูง อาคารขนาดใหญ่ และอาคารขนาดใหญ่พิเศษ ต้องเป็นกระจกนิรภัยหลายชั้น เว้นแต่กรณีหนึ่งกรณีใด ดังต่อไปนี้
(1) เป็นกระจกนิรภัยเทมเปอร์ที่เอียงทำมุมกับแนวดิ่งไม่เกินสามสิบองศา และมีจุดสูงสุดของกระจกอยู่เหนือระดับพื้นทางเดินไม่เกินสามเมตร
(2) มีแผงรองใต้กระจกที่มีคุณสมบัติ ดังนี้
(ก) เป็นวัสดุไม่ติดไฟและเป็นตะแกรงที่มีขนาดของช่องว่างไม่เกิน 25 x 25 มิลลิเมตร หากติดตั้งในสภาพบรรยากาศที่มีการกัดกร่อนสูง แผงดังกล่าวต้องทำจากวัสดุที่สามารถต้านทานการกัดกร่อนได้
(ข) มีความมั่นคงแข็งแรงและสามารถรับน้ำหนักได้ไม่น้อยกว่าสองเท่าของน้ำหนักกระจก
(ค) ต้องยึดกับโครงสร้างหรือชิ้นส่วนโครงสร้างของอาคารอย่างมั่นคงแข็งแรง และติดตั้งอยู่ห่างจากกระจกไม่เกินหนึ่งร้อยมิลลิเมตร
(3) มีระบบการป้องกันการร่วงหล่นของแผ่นกระจก
(4) เป็นกระจกที่ติดตั้งอยู่เหนือพื้นที่ที่ไม่มีบุคคลเข้าอยู่หรือเข้าใช้สอยได้
โดยข้อกำหนดและกฏหมายการใช้วัสดุกระจกในอาคารที่พักอาศัยกับอาคารสาธารณะ อาคารทั้งสองประเภทนี้อยู่ภายใต้ พ.ร.บ. เดียวกัน แต่กฎกระทรวงที่ใช้แตกต่างกันตามประเภทอาคาร โดยความต่างที่สำคัญ ๆ เลยก็คือ ในอาคารสาธารณะหรือแม้กระทั่งอาคารพักอาศัยทั่วไปที่เป็นพื้นที่เสี่ยง (เพิ่มภาษาอังกฤษ) ต้องใช้กระจกนิรภัยเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้อาคาร และในอาคารสาธารณะจะมีข้อบังคับเข้มงวดกว่า เนื่องจากมีคนใช้งานจำนวนมาก
ตัวอย่างการนำวัสดุกระจกไปใช้ตามข้อกำหนด ดังนี้
- ผนังกระจกภายนอกอาคารที่พักอาศัยหากอยู่สูงกว่าชั้น 2 ขึ้นไป ต้องเป็นกระจกนิรภัยหลายชั้น (laminated หรือ tempered) อาคารสาธารณะต้องใช้เป็นกระจกนิรภัยหลายชั้น (laminated safety glass) เท่านั้น และต้องออกแบบให้ทนแรงลม
- ราวกันตก/ราวบันได ในอาคารที่พักอาศัยต้องเป็นกระจกนิรภัย (laminated หรือ tempered) โดยเฉพาะราวที่สูงเกิน 1 เมตร ส่วนอาคารสาธารณะต้องออกแบบให้รองรับแรงปะทะจากคนจำนวนมาก กำหนดให้ใช้กระจกนิรภัยหลายชั้น (laminated) หรือกระจกเทมเปอร์แต่ละชั้นในระบบหลายชั้น เพื่อป้องกันการร่วงหล่น
- การรับแรงลมหรือแรงสั่นสะเทือน อาคารที่พักอาศัยมักออกแบบตามมาตรฐานวิศวกรรมทั่วไป แต่อาคารสาธารณะต้องออกแบบตามมาตรฐานแรงลมและแรงแผ่นดินไหว (wind & seismic load) โดยเฉพาะในอาคารสูง (มาตรฐานตามกฎกระทรวงควบคุมอาคารสูงและอาคารสาธารณะ)
- ข้อกำหนดด้านการสะท้อนแสง (Reflectance) ในบ้านพักอาศัยทั่วไปแนะนำให้ไม่เกิน 30% เพื่อไม่รบกวนสิ่งแวดล้อมรอบอาคาร ส่วนอาคารสาธารณะนั้นบังคับไม่เกิน 30% สำหรับผนังกระจกภายนอก ป้องกันแสงสะท้อนรบกวนผู้สัญจรและสะท้อนไปยังอาคารใกล้เคียง
- มาตรฐานผลิตภัณฑ์ (TISI) โดยทั่วไปกระจกต้องได้มาตรฐาน มอก. เฉพาะบางประเภท แต่อาคารสาธารณะอยู่ในข่ายตรวจสอบคุณภาพวัสดุบังคับกระจกทุกชนิดที่ใช้ต้องผ่าน มอก. เช่น มอก. 965 (กระจกนิรภัย)
- การบำรุงรักษาที่พักอาศัยทั่วไปไม่มีข้อบังคับเปลี่ยนกระจก แต่แนะนำให้เปลี่ยนเมื่อเกิดการแตกร้าว ขณะที่อาคารสาธารณะนั้นต้องบำรุงรักษาและเปลี่ยนตามแผนตรวจสอบความปลอดภัยประจำปีโดยเฉพาะในห้างสรรพาสินค้า โรงเรียน โรงพยาบาล ฯ
สถาปัตยกรรมคือสถานที่ที่มนุษย์เราใช้ชีวิตอยู่ ดังนั้นจึงต้องมีกฎหมายและข้อบังคับมาเพื่อเพื่อควบคุมให้การก่อสร้างและใช้อาคารเกิดความปลอดภัยและเป็นระเบียบต่อสังคมโดยรวม การใช้วัสดุอย่างเหมาะสมจึงสอดคล้องทั้งในด้านความรู้สึกอุ่นใจในการใช้งานและยังไม่ผิดกับกฎหมายควบคุมอาคารด้วยครับ
อ้างอิง
▪️กฎกระทรวง กำหนดวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารประเภทควบคุมการใช้ พ.ศ. 2566
▪️กฎกระทรวงฉบับที่ 48 (พ.ศ. 2540)ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคารสำนักงานพ.ศ. 2522 สำนักงาน
ผู้เขียนบทความ
โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ ตั้งแต่ สถาปนิก แบรนด์สินค้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ... อ่านเพิ่มเติม