ม่านม้วน VS ผ้าม่าน เปรียบเทียบข้อดี-ข้อด้อยของม่านทั้ง2ชนิด

แม้ว่า ม่านม้วน จะได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน แต่ ผ้าม่านแบบดั้งเดิม ก็ยังคงมีเสน่ห์และคุณสมบัติที่ไม่อาจถูกแทนที่ได้ บทความนี้จะเปรียบเทียบความแตกต่างอย่างเจาะลึก พร้อมแนะนำทางเลือกที่เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละรูปแบบ

ม่านม้วน: สุดยอดทางเลือกด้านการดูแลรักษา

ม่านม้วนถูกออกแบบมาเพื่อความเรียบง่ายในการใช้งานและการบำรุงรักษาต่ำ โดยมีข้อได้เปรียบที่โดดเด่นในด้านอื่น ๆ ดังนี้

ข้อได้เปรียบของม่านม้วนเมื่อเทียบกับผ้าม่าน

• ดูแลรักษาง่าย ถือเป็นจุดเด่นหลักๆของม่านม้วนโดยเฉพาะใบม่านบางรุ่นซึ่งมีผิวมันฝุ่นเกาะได้ยาก และ ทำความสะอาดได้ง่าย

• ประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งหากหน้างานมีพื้นที่จำกัด หรือ เป็นหน้าต่างที่เน้นการเปิดโล่ง ม่านม้วนเป็นทางเลือกที่เหมาะอย่างยิ่งเพราะการดึงม่านขึ้นเก็บด้านบนกินพื้นที่เล็กน้อยเท่านั้น

• การใช้งานง่ายในม่านม้วนรุ่นโซ่ดึง การใช้งานม่านขึ้นลงทำได้ง่ายๆเพียงแค่การดึงโซ่เท่านั้น

• ให้ความสวยงามและทันสมัย ม่านม้วนเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการตกแต่งแบบเรียบง่ายสไตล์มินิมอลและดูทันสมัย เนื่องจากมีลักษณะเมื่อดึงลงมาเป็นแผ่นเรียบๆ ทำให้เหมาะกับการตกแต่งห้องที่เน้นความเรียบง่ายและดูทันสมัยในตัว

• ประยุกต์ใช้งานลักษณะอื่นๆได้ ม่านม้วนสามารถประยุกต์ใช้งานในการบังสิ่งของในตู้ที่ไม่มีบานเปิด หรือ ใช้แบ่งกั้นห้องเป็นสัดส่วนได้

ข้อด้อยของม่านม้วนเมื่อเทียบกับผ้าม่าน

• ความมิดชิด ในหน้างานบางลักษณะเช่นกระจกแบบเข้ามุม การติดม่านม้วนลักษณะนี้จำเป็นต้องมีการเว้นระยะทำให้เกิดช่องว่างบริเวณมุมกระจก

• บรรยากาศของความนุ่มนวลเนื่องจากม่านม้วนมีลักษณะเป็นแผ่นเรียบตรงลงมา อาจไม่เหมาะสำหรับเจ้าของห้องที่ต้องการบรรยากาศของ ความนุ่มนวล และ ความพลิ้วไหวที่มีในผ้าม่านแบบดั้งเดิม

ผ้าม่านแบบดั้งเดิม เช่น ม่านจีบและม่านลอน ให้สัมผัสที่หรูหรา อบอุ่น และเป็นธรรมชาติ ทั้งยังมีความยืดหยุ่นในการติดตั้งได้เกือบทุกพื้นที่

ข้อได้เปรียบของผ้าม่านเมื่อเทียบกับม่านม้วนมีดังนี้

• ติดตั้งในพื้นที่เฉพาะได้ดีกว่า ผ้าม่านแบบดั้งเดิม เช่น ม่านจีบ สามารถติดตั้งในพื้นที่เฉพาะ เช่น กระจกหน้าต่างหรือประตูแบบเข้ามุม,หน้าต่างเบย์วิว(Bay Window) รางผ้าม่านบางรุ่นสามารถดัดโค้งเพื่อรองรับได้
  การติดตั้งพื้นที่ลักษณะนี้ผ้าม่านทำได้มิดชิดกว่าม่านม้วนและรวมถึงม่านชนิดอื่นๆด้วย

• ความนุ่มนวลเป็นธรรมชาติถือเป็นจุดเด่นของผ้าม่านแบบดั้งเดิม ที่ม่านชนิดอื่นยังทดแทนความอ่อนไหว นุ่มนวลที่ผ้าม่านมีได้

• ใช้กับพื้นที่ประตูและหน้าต่างขนาดใหญ่ได้ ผ้าม่านแบบดั้งเดิมไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของขนาดหน้างาน เนื่อจากสามารถเย็บต่อกันได้โดยไม่มีผลกระทบเรื่องความสวยงาม โดยเฉพาะผ้ารุ่นใหม่ๆบางตัวสามารถตัดเย็บโดยไม่มีรอยตะเข็บได้

• ใช้งานบริเวณที่มีการเข้าออกได้ดีกว่า เช่น บริเวณประตูหน้าบ้าน ประตูระเบียง การแหวกม่านออกด้านาข้างเพื่อเดินเข้าออกทำได้ง่ายกว่า

• การดูแลรักษาสำหรับรางม่านจีบ เช่น รางตัวเอ็ม,หรือ รางโชว์ วัสดุที่เคลื่อนไหว เช่นลูกล้อ สามารถเปลี่ยนอะไหล่ได้เองไม่ยากนัก

ข้อด้อยของผ้าม่านเมื่อเทียบกับม่านม้วนมีดังนี้

• การดูแลรักษา ถือเป็นจุดอ่อนหลักของการเลือกใช้ผ้าม่าน เนื้อผ้าที่ทอจากเส้นใยมักจะเป็นแหล่งสะสมของฝุ่น มากหรือน้อยขึ้นกับชนิดของผ้า แต่จุดอ่อนนี้อาจมองว่าเป็นจุดดีก็ได้เพราะเราสามารถถอดผ้าม่านลงมาซักให้เหมือนใหม่ได้

• พื้นที่ในการติดตั้งการใช้ผ้าม่าน เมื่อรวบม่านเก็บจะกินพื้นที่ด้านข้องของหน้าต่างหรือประตูเสมอ บางหน้างานผ้าม่านที่รวบไว้อาจบังทิศทางลมในกรณีที่เราต้องการเปิดหน้าต่างเพื่อรับลมจากภายนอก

• มีการติดตั้งที่ยุ่งยากกว่า ผ้าม่านจะมีส่วนประกอบอย่างน้อย2ส่วนเสมอคือรางผ้าม่าน กับ ตัวผ้าม่าน โดยต้องติดตั้งรางก่อนจึงจะแขวนผ้าม่านลงได้

ข้อสรุป

ม่านม้วนและผ้าม่านแบบดั้งเดิม ต่างก็มีจุดเด่นและจุดด้อยต่างกันดังที่ได้กล่าวมา จุดเด่นจุดด้อยดังกล่าว บางข้อไม่สามารถใช้ม่านอีกชนิดทดแทนได้ จึงไม่อาจสรุปได้100%ว่าม่านชนิดไหนดีกว่ากันได้

การเลือกใช้ม่านชนิดใดต้องคำนึงถึงพื้นที่หน้างาน ความชอบส่วนตัว และ สไตล์การตกแต่งของบ้าน กล่าวโดยสรุปได้ดังนี้

เลือกใช้ ม่านม้วน สำหรับลูกค้าที่ต้องการการดูแลรักษาน้อย , ไม่ต้องการฝุ่นจากการใช้ผ้าม่าน , การตกแต่งที่เรียบง่ายเน้นการใช้งานหน้าต่างที่เปิดโล่ง

เลือกใช้ ผ้าม่าน หากต้องการความเป็นธรรมชาติ และ มีพื้นที่หน้างานที่ไม่สามารถติดตั้งม่านชนิดอื่นได้

บทความและภาพประกอบโดย : ร้านผ้าม่านไทย , www.pamanthai.com