เปรียบเทียบคุณสมบัติกระจกลามิเนต กระจกเทมเปอร์ และ กระจกกันเสียง (Specification Performance : laminated glass Vs. Tempered Glass Vs. Acoustic glass)

กระจกลามิเนต

คือ กระจกนิรภัยที่ประกอบด้วยกระจกตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไป ยึดติดกันด้วยฟิล์มพลาสติกเหนียว เช่น ฟิล์ม PVB ตรงกลางและมีกระจกแผ่นที่ 2 วางทับ ทำให้เมื่อกระจกแตกเศษกระจกจะยึดติดอยู่กับฟิล์ม ไม่ร่วงหล่น เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน

คุณสมบัติเด่นของกระจกลามิเนต

  • เมื่อกระจกได้รับความเสียหายจนเกิดการแตก เศษกระจกจะไม่ร่วงหล่นลงมา ซึ่งช่วยลดอันตรายต่อผู้ใช้งานอาคาร
  • ช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก และเก็บเสียงได้ดีกว่ากระจกธรรมดา
  • ช่วยป้องกันความร้อนได้ดี กันรังสียูวีได้มากกว่า 90 %
  • ทนต่อแรงดันลมในที่สูง ทนต่อแรงอัดกระแทก และช่วยป้องกันการบุกรุกจากการโจรกรรมได้
  • สามารถเคลือบสีได้ตามความต้องการ
  • ทนทานต่อทุกสภาพอากาศ และมีอายุการใช้งานยาวนาน

กระจกเทมเปอร์

คือ กระจกนิรภัยประเภทหนึ่ง ซึ่งผ่านกระบวนการทางความร้อนสูง แล้วนำมาเป่าด้วยลมแรงดันสูงให้เย็นตัวลงทันที เพื่อให้กระจกเกิดความแข็งแกร่งกว่าเดิม 3-5 เท่า ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ในกรณีที่กระจกเทมเปอร์เกิดการแตก จะแตกออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ คล้ายเมล็ดข้าวโพด ซึ่งมีความแหลมคมไม่มาก ทำให้มีโอกาสเกิดอันตรายน้อยกว่ากระจกธรรมดา

คุณสมบัติเด่นของกระจกเทมเปอร์

  • แข็งแรงกว่ากระจกธรรมดา 4–5 เท่า
  • เมื่อกระจกแตก จะแตกเป็นเมล็ดเล็ก ๆ คล้ายเมล็ดข้าวโพดไม่แหลมคมมาก ทำให้ลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บได้
  • ทนต่อแรงกระแทก แรงดันลม และแรงสั่นสะเทือนสูง เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัย เช่น หน้าต่าง อาคารสูง ประตูบานเลื่อน ฯลฯ
  • ทนความร้อนได้ประมาณ 200–300°C และไม่แตกง่ายเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนกะทันหัน เช่น จากร้อนจัดไปเย็นจัด
  • ค่าความแข็งแรงต่อแรงดึงและแรงที่ทำให้หักงอ (Bending Strength) เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง กระจกธรรมดากับกระจกนิรภัยเทมเปอร์ ที่ความหนา 5 มม. กระจกธรรมดามีค่าความแข็งแรงต่อแรงดึงและแรงที่ทำให้กระจกหักงอ 500- 600 กก./ซม. ส่วนกระจกนิรภัยเทมเปอร์มีค่าสูงถึง 1,500 กก./ซม.
  • ความทนทานของกระจกต่อสภาวะการเปลี่ยนแปลง อุณหภูมิแบบฉับพลัน จากการทดสอบความสามารถในการต้านทานความร้อนของกระจกนิรภัยเทมเปอร์เปรียบ เทียบกับกระจกพื้นฐาน หรือกระจกเคลือบผิวที่ความหนา 5 มม.

กระจกกันเสียง

คือ กระจกที่มีคุณสมบัติในการป้องกันเสียงรบกวน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ต้องการความเงียบ เช่น ห้องนอนติดถนนใหญ่ ห้องอัดเสียง สตูดิโอ หรือสำนักงาน สามารถนำกระจกประเภทใดมาทำก็ได้ แต่ต้องมีความหนารวมไม่น้อยกว่า 12 มม. ในกรณีที่ใช้กระจกแบบสองชั้น จะต้องมีช่องว่างระหว่างกระจก 70 มม.ขึ้นไป และควรมีค่า Sound Transmission Class (STC) ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป

คุณสมบัติเด่นของกระจกกันเสียง

  • การป้องกันเสียงรบกวน ดูดซับและลดการสั่นสะเทือนของคลื่นเสียง สามารถลดเสียงจากภายนอกได้ตั้งแต่ 25–50 เดซิเบล  ขึ้นอยู่กับชนิดและความหนา
  • เทคโนโลยี Laminated Glass ที่มีคุณสมบัติดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากคลื่นเสียงหรือแบบ Insulated Glass (Double Glazing) ที่มีช่องอากาศหรือก๊าซเฉื่อยคั่นกลาง ช่วยลดการนำเสียงและความร้อน
  • เพิ่มความปลอดภัย กระจกชนิด Laminated จะไม่แตกกระจายแต่ฟิล์มตรงกลางจะยึดเศษกระจกไว้ จึงช่วยลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บและช่วยลดอัตราการถูกบุกรุกได้
  • ช่วยลดความร้อนและประหยัดพลังงาน
  • กันรังสี UV ฟิล์ม PVB ภายในกระจกสามารถ กรองรังสี UV ได้มากกว่า 90% ป้องกันเฟอร์นิเจอร์ ผ้าม่าน และพื้นไม้จากการซีดจาง
  • รองรับการออกแบบหลากหลาย ใช้ได้ทั้งภายนอกและภายใน
  •  เพิ่มมูลค่าและความหรูหราให้กับอาคาร

แพลตฟอร์ม และเครื่องมือสำหรับการออกแบบตกแต่งบ้าน และงานสถาปัตยกรรม
โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ ตั้งแต่ สถาปนิก แบรนด์สินค้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ...

บทความอื่นๆ จากผู้เขียน

โพสต์เมื่อ

โพสต์เมื่อ

ไอเดียมาใหม่

โพสต์เมื่อ

บทความที่เกี่ยวข้อง

...

โพลสำรวจ

ถาม-ตอบ

Wazzadu.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของคุณ