8 ตำนานสถาปนิกหญิงผู้สร้างประวัติศาสตร์ให้กับโลกสถาปัตยกรรม
8 Female Architects Who Made History
แม้สถาปนิกหญิงทั้ง 8 ท่าน จะไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว แต่วิทยาการ และผลงานของสถาปนิกหญิงทั้ง 8 ท่าน ยังคงเป็นสิ่งที่สถาปนิกรุ่นหลังได้ใช้ในการศึกษาเรียนรู้ และถ่ายทอดส่งต่อจนมาถึงยุคปัจจุบัน
ซึ่งทั้ง 8 ท่าน จะเป็นใครบ้าง และแต่ละท่านจะมีชีวิตในฐานะสถาปนิกที่น่าสนใจอย่างไรบ้างนั้น ตามมาชมกันเลยครับ
Zaha Hadid
(มีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ.1950-2016)
เธอเป็นหนึ่งในสถาปนิกหญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์อย่างปฏิเสธไม่ได้ สถาปนิกชาวอังกฤษที่เกิดในอิรัก กลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับรางวัล Pritzker Prize ในปี 2004 ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่มอบให้กับสถาปนิกที่ได้แสดงความมุ่งมั่น ความสามารถ และวิสัยทัศน์ในการทำงานของตนจนเป็นที่ประจักษ์ จนนิตยสารไทม์ (Time Magazine) ได้จัดให้ Zaha Hadid เป็นหนึ่งใน 100 บุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดของโลกในปี 2010 อีกด้วย
ในปีเดียวกันกับปีที่เธอเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เธอได้รับรางวัล RIBA Gold Medal ซึ่งเป็นรางวัลสถาปัตยกรรมชั้นนำของสหราชอาณาจักรเป็นรางวัลสุดท้าย
ผลงานการออกแบบของเธอมักได้รับเสียงวิจารณ์ และเสียงชื่นชมไปทั่วโลกจากรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เป็นธรรมชาติและลื่นไหล โดยใช้เทคโนโลยีด้านคณิตศาสตร์มาผสมผสานในการสร้างสรรค์ผลงานที่เหนือจินตนาการราวกับงานศิลปะ ซึ่งเธอจบการศึกษาด้านศิลปะจาก American University of Beirut ก่อนเริ่มต้นอาชีพที่ Architectural Association ในลอนดอน ในปี 1979 และเธอก็ได้สร้างแนวทางการออกแบบ หรือ คิดค้นลายเซ็นในการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบของตนเอง
ในบรรดางานออกแบบที่ทำให้ Zaha Hadid Architects เป็นที่จดจำไปทั่วโลกในฐานะสถาปนิกหญิง ได้แก่ Riverside Museum Glasgow, London Aquatics Centre for the Olympics 2012, Guangzhou Opera House และ Generali Tower Milan
MJ Long
(มีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1939-2018)
เธอสำเร็จการศึกษาด้านสถาปัตยกรรมที่ Yale ก่อนย้ายไปอังกฤษในปี 1965 โดยทำงานร่วมกับสามี St John Wilson เธอเป็นที่รู้จักมากขึ้น จากผลงาน และการปฏิบัติงานในนาม MJ Long Architect ซึ่งเธอเริ่มทำงานตั้งแต่ปี 1974 จนถึง 1996
ในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าวเธอได้ออกแบบ Artists’ Studios เป็นจำนวนมาก เช่น Peter Blake, Frank Auerbach, Paul Huxley และ RB Kitaj ต่อมาเธอได้ก่อตั้งบริษัทอีกแห่งชื่อ Long & Kentish โดยมีผลงานการออกแบบที่น่าสนใจ เช่น National Maritime Museum ใน Falmouth และ Jewish Museum ใน Camden
MJ Long เสียชีวิตด้วยวัย 79 ปี เธอส่งมอบโครงการสุดท้ายของเธอ การฟื้นฟูสตูดิโอของศิลปินชาวคอร์นิช เพียงสามวันก่อนที่เธอจะเสียชีวิต
Norma Merrick Sklarek
(มีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ.1926 – 2012)
เธอเป็นผู้หญิงผิวดำคนแรกที่ได้รับใบอนุญาตเป็นสถาปนิกทั้งในนิวยอร์กและแคลิฟอร์เนีย รวมถึงเป็นผู้หญิงผิวดำคนแรกที่เป็นสมาชิกของ American Institute of Architects เกือบทั้งชีวิตเธอเผชิญกับการเลือกปฏิบัติอย่างมาก ซึ่งทำให้ความสำเร็จของเธอน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
ในการหางาน เธอเคยถูกปฏิเสธมากถึง 19 บริษัท ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ต้องการจ้างผู้หญิง หรือ ชาวแอฟริกันอเมริกัน (ผิวดำ) มาทำงาน แต่ความพยายามของเธอไม่เคยลดลง จนในที่สุดเธอก็ได้ทำงานด้านสถาปัตยกรรมกับ Skidmore Owings & Merrill ในปี 1955
ด้วยบุคลิกที่แข็งแกร่งอดทนและวิสัยทัศน์ทางปัญญา เธอผลักดันอาชีพของเธอให้ก้าวหน้าและในที่สุดก็ได้เป็นผู้อำนวยการบริษัทสถาปัตยกรรม Gruen Associates ต่อมาเธอได้ร่วมก่อตั้งบริษัท Sklarek Siegel Diamond ซึ่งเป็นบริษัทสถาปัตยกรรมที่ก่อตั้งโดยผู้หญิงที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา
โครงการที่น่าจดจำของเธอ ได้แก่ Pacific Design Center, San Bernardino City Hall, US Embassy in Tokyo และ LAX Terminal 1
ก่อนเธอเสียชีวิต เธอเคยให้สัมภาษณ์เป็นประโยคสั้นๆ ว่า "ในงานสถาปัตยกรรม ฉันไม่มีแบบอย่างที่ดีเลย แต่ดีใจที่วันนี้ได้เป็นแบบอย่างให้กับคนอื่นๆ ที่กำลังจะก้าวตามมา”
Lina Bo Bardi
(มีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1914-1992)
เธอเป็นสถาปนิกหญิงชาวอิตาลี มีแนวคิดการออกแบบสถาปัตยกรรมอย่างกล้าหาญ ซึ่งเป็นการผสานความทันสมัยเข้ากับความเป็นประชานิยมในยุคนั้น ผลงานชิ้นสำคัญของเธอ คือ การออกแบบพิพิธภัณฑ์ศิลปะเซาเปาโล ในบราซิล ที่ในเวลาต่อมาได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของละตินอเมริกา หรือ ทวีปอเมริกาใต้
ผลงานอื่นๆ ที่น่าสนใจ คือ The Glass House (ออกแบบให้ตัวเธอเอง) และ The SESC Pompéia ต่อมาในปี 1950 เธอกับสามีได้ร่วมกันก่อตั้งนิตยสาร Habitat และกลายเป็นนิตยสารสิ่งพิมพ์ทางสถาปัตยกรรมที่มีอิทธิพลมากที่สุดในบราซิลหลังยุคสงคราม
Dame Jane Drew
(มีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1911-1996)
หากพูดถึงสถาปนิกหญิงชาวอังกฤษ Dame Jane Drew เป็นหนึ่งในสถาปนิกที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่ง ในช่วงที่เธอเป็นนักเรียนสถาปัตย์ฯ เธอได้มีส่วนร่วมในการสร้าง Royal Institute of British Architecture ซึ่งต่อมาเธอได้กลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมสภานี้
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอเริ่มปฏิบัติวิชาชีพสถาปัตยกรรมในลอนดอน Dame Jane Drew ได้ดำเนินโครงการต่างๆ มากมาย รวมถึงภารกิจการสร้างที่พักพิงสำหรับการโจมตีทางอากาศมากถึง 11,000 แห่งสำหรับเด็กๆ ให้เสร็จสมบูรณ์
ในปี 1942 เธอแต่งงานกับ Maxwell Fry เพื่อนสถาปนิกที่มีชื่อเสียง เธอกับสามีร่วมมือกันออกแบบ และก่อสร้างอาคารอย่างแพร่หลายไปทั่วโลกหลังสงครามสงบลง เช่น การสร้างโรงพยาบาล มหาวิทยาลัย บ้านจัดสรร และอาคารสำนักงานของรัฐในประเทศต่างๆ เช่น ไนจีเรีย กานา และไอวอรีโคสต์
ด้วยความประทับใจในผลงานของเธอที่เกิดขึ้นในแอฟริกา Dame Jane Drew จึงได้รับการขอร้องจากนายกรัฐมนตรีอินเดียให้ไปออกแบบเมืองหลวงใหม่ Chandigarh และจากผลงานด้านสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น เธอจึงได้รับปริญญากิตติมศักดิ์และปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น Harvard และ MIT อีกด้วย
Elisabeth Scott
(มีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1898-1972)
เธอสร้างชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา จากการกลายเป็นสถาปนิกหญิงคนแรกในสหราชอาณาจักรที่ชนะการแข่งขันด้านสถาปัตยกรรมระดับนานาชาติด้วยการออกแบบ Shakespeare Memorial Theatre ใน Stratford-upon-Avon ในเวลาต่อมาได้กลายเป็นอาคารสาธารณะชั้นแนวหน้าในสหราชอาณาจักรที่ออกแบบโดยสถาปนิกหญิง
เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ชนะการแข่งขันจากจำนวนผู้สมัครกว่า 70 คน ที่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ชาย จนหนังสือพิมพ์ในยุคนั้นถึงกับต้องพาดหัวข่าว "สถาปนิกสาวเอาชนะผู้ชาย" และ “การก้าวกระโดดสู่ชื่อเสียงของสาวนิรนาม"
ผลงานการออกแบบที่โดดเด่นหลังจากนั้นก็คือ Marie Curie Hospital, Newnham College และ Pier Theatre ก่อนที่เธอจะได้รับเกียรติสูงสุด ในการนำรูปภาพของเธอไปตีพิมพ์บนหนังสือเดินทางของสหราชอาณาจักรคู่กับ Ada Lovelace ซึ่งเป็นหญิงเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้รับเกียรตินี้
Marion Mahony Griffin
(มีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1871 – 1961)
เธอเป็นพนักงานคนแรกของสถาปนิกระดับตำนาน Frank Lloyd Wright เธอเรียนจบด้านสถาปัตยกรรมที่ MIT และยังเป็นสถาปนิกหญิงที่มีใบอนุญาตรุ่นแรกๆ ของโลก ในช่วงเวลาที่ทำงานกับ Frank Lloyd Wright เธอได้ออกแบบกระจกตะกั่ว เครื่องเรือน โคมไฟ และงานกระเบื้องโมเสกสำหรับตกแต่งผนัง
จุดเปลี่ยนสำคัญก็คือเธอและสามีได้ย้ายไปออสเตรเลีย เพื่อควบคุมโครงการออกแบบเมืองแคนเบอร์รา เธอใช้ชีวิตสถาปิกอยู่ในออสเตรเลียกว่า 20 ปี และย้ายไปควบคุมงานออกแบบห้องสมุดมหาวิทยาลัยในอินเดียอยู่หลายปี ก่อนย้ายกลับมาอเมริกาเพื่อเขียนอัตชีวประวัติเกี่ยวกับงานสถาปัตยกรรมของเธอ
Lady Elizabeth Wilbraham
(มีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ.1632-1705)
เธอมักได้รับการขนานนามว่าเป็นสถาปนิกหญิงคนแรกของสหราชอาณาจักร แต่ความสนใจในสถาปัตยกรรมของเธอจุดประกายและเติบโตขึ้น ในเนเธอร์แลนด์และอิตาลีในช่วงสั้นๆที่เธออยู่ที่นั่น
นักวิชาการได้ประเมิณว่า Lady Elizabeth Wilbraham ได้ออกแบบอาคารไปไม่น้อยกว่า 400 หลัง เช่น Belton House, Uppark House, Windsor Guildhall และบ้านของตระกูล Staffordshire ซึ่งรายละเอียดการออกแบบทางสถาปัตยกรรมยังถูกนำไปใช้ในการออกแบบ Cliveden House และ Buckingham Palace อีกด้วย นอกจากนี้ Lady Elizabeth Wilbraham ยังเป็นอาจารย์ และช่วย Christopher Wren ในการออกแบบโบสถ์มากถึง 18 แห่ง จากทั้งหมด 52 แห่งในกรุงลอนดอน
แหล่งอ้างอิง
- https://www.womeninconstructionsummit.com/blog/8-female-architects-who-made-history?fbclid=IwAR2n_k_sb6KgubZQl0CXl6ZOPTDnxQX_KuRrClO3P7JXwtC3k5WromSxwp8
ดูเนื้อหาการออกแบบงานสถาปัตยกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่
ผู้เขียนบทความ
โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ ตั้งแต่ สถาปนิก แบรนด์สินค้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ผ่านทางฟีเจอร์ต่างๆดังนี้
Search - ค้นหา และจัดเก็บ ทั้งไอเดีย และสินค้า และบริการสำหรับการออกแบบตกแต่ง
Sourcing - จัดหาสินค้า และเปรียบเทียบราคาโดยการติดต่อ ผ่านแบรนด์ต่างๆ หรือบริการในแพลตฟอร์ม
Spec - เครื่องมือสเปคข้อมูลวัสดุ โดยแสดงข้อมูลเพื่อการออกแบบ เปรียบเทียบคุณสมบัติเชิงลึก ทั้งการติดตั้ง ขนาด ราคา และรีวิวการใช้งาน
แบรนด์ / ผู้จัดจำหน่ายสามารถเปิดโปรไฟล์ และอัพโหลดสินค้าได้ฟรี
ติดต่อเราที่ 02-714-0454
Email: contact@wazzadu.com ... อ่านเพิ่มเติม