กระจกอบความร้อน (Heat Treated Glass) กับคุณสมบัติที่น่ารู้ก่อนจะนำเอาไปใช้งาน

กระจกอบความร้อน (Heat Treated Glass)

กระจกอบความร้อนได้จากการนำกระจกแผ่น หรือ กระจกโฟลตไปผ่านกระบวนการปรับแต่งคุณภาพเนื้อกระจก หรือแปรรูป เพื่อให้แข็งแกร่งมากขึ้น หรือรับแรงกระแทกได้มากขึ้น

กระจกอบความร้อน แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ กระจกนิรภัยเทมเปอร์ และกระจกฮีตสเตรงเทน

1.1 กระจกกึ่งนิรภัย (Heat Strengthened Glass)
เป็นกระจกที่ได้จากการผลิตที่คล้ายกับกระจกนิรภัยเทมเปอร์ คือ ให้ความร้อนกับกระจกพื้นฐาน หรือกระจกเคลือบผิว ประมาณ 700 องศาเซลเซียส แล้วปล่อยให้เย็นตัวลง แต่แตกต่างจากกระจกนิรภัยเทอเปอร์ตรงที่การผลิตกระจกฮีตเสตรงเทนจะปล่อยให้กระจกเย็นตัวลงอย่างช้าๆ โดยใช้ลมเป่า
ไปยังกระจกทั้ง 2 ด้าน

คุณสมบัติ

·  แข็งแกร่งกว่ากระจกธรรมดา 2 เท่า จึงสามารถรับแรงอัดของลมได้ดีกว่ากระจกธรรมดาที่มีความหนาเดียวกันจึงสามารถนำไปใช้ในการติดตั้งกระจกกับโครงสร้างอาคารสูง

· เหมาะสำหรับการป้องกันการแตกของกระจกเนื่องจากความร้อน ลักษณะการแตกเหมือนการแตกของกระจกธรรมดา คือ แตกเป็นแผ่น

การใช้งาน

· ใช้ในการติดตั้งกับโครงสร้างอาคารสูง สามารถใช้แทนกระจกพื้นฐานโดยลดความหนากระจกลง

· ใช้กับสถานที่ที่มีความร้อนสูงกว่าปกติ

·  ใช้กับผนังอาคารและหน้าต่างที่มีแรงกระทบของลมสูง

· ใช้กับสถานที่ที่ต้องการแข็งแรงและปลอดภัยของกระจกสูง

ใช้กับห้องโชว์สินค้าที่ต้องทนต่อแรงกระแทกในการใช้งาน
 

1.2 กระจกนิรภัยเทมเปอร์ (Tempered Glass หรือ T/P )
หรือที่เรียกทั่วไปว่ากระจกอบเป็นกระจกที่นิยมใช้เป็นกระจกนิรภัย เพราะเมื่อกระจกเทมเปอร์แตกมันจะแตกเป็นเกล็ดเล็ก ๆ คล้ายเม็ดข้าวโพดและไม่มีคมจึงเกิดอันตรายน้อย ซึ่งต่างจากการแตกของกระจกธรรมดาที่แตกเป็นเสี่ยง จึงแหลมคมทำให้เป็นอันตรายมากกว่า นอกจากนี้กระจกเทมเปอร์ยังแข็งกว่ากระจกธรรมดาหลายเท่า

ความแข็งที่เพิ่มขึ้นของกระจกเทมเปอร์เกิดจากกระบวนการผลิต โดยการอบแผ่นกระจกด้วยความร้อนสูง ประมาณ 650-700องศาเซลเวียส และใช้ลมเป่าที่ผิวกระจกทั้งสองด้าน ให้เย็นลงอย่างรวดเร็ว ทำให้บริเวณเนื้อกระจกภายนอกเย็นตัวเร็วกว่าเนื้อในของกระจก   ขณะที่เนื้อกระจกภายนอกเย็นตัวแล้วเนื้อในของกระจกที่ค่อย ๆ เย็นจะเกิดความเค้นขึ้นส่งผลให้กระจกเทมเปอร์มีความแข็งเพิ่มมากขึ้น

ถ้าดูด้วยสายตาปกติ ปราศจากเครื่องมือพิเศษ ส่องดูเนื้อกระจกแล้ว กระจกเทมเปอร์
ก็จะดูเหมือน กระจกธรรมดาทั่วไป แต่สิ่งที่แตกต่าง คือ ความแข็งแกร่ง ที่มีมากกว่า กระจกธรรมดา (Float  Glass) ประมาณ 3-5 เท่าตัว เราจึงเรียกกระจกชนิดนี้ว่า กระจกนิรภัยเทมเปอร์

อย่างไรก็ตาม กระจกเทมเปอร์มีโอกาสที่จะระเบิดแตกเองได้(แต่น้อยมาก) เมื่อโดนความร้อนสูง (Spontaneous glass breakage) การใช้กระจก T/P ในงานภายนอกต้องพิจารณาเรื่องนี้ด้วย ในงานที่มาตรฐานสูงจึงมักมีการระบุเพิ่มเติมให้มีการทา Heat soak test เพื่อลดโอกาสการระเบิดแตกเอง โดยกระจกเทมเปอร์ที่ทาฮีทโซคเทสจะมีราคาแพงกว่ากระจกเทมเปอร์ธรรมดา

คุณสมบัติ

·  มีความแข็งแกร่งมากกว่า กระจกธรรมดา (Float  Glass) ประมาณ 3-5 เท่าตัว

· เมื่อแตกแล้วเป็นเม็ดกลมๆเหมือนเม็ดข้าวโพด มีความคมน้อย  มีอันตรายน้อยกว่ากระจกแผ่นหรือกระจกโฟลต

· ก่อนการทำเทมเปอร์ต้องตัดกระจกให้ได้ขนาดตามที่ต้องการใช้งาน  หากทำเทมเปอร์แล้วค่อยตัดขนาด กระจกจะแตกละเอียดทั้งแผ่น

· จุดอ่อนของกระจกชนิดนี้คือ ความทนทานต่อแรงกระทำที่เป็นจุด ( Point Load)  หากมีการกระแทกด้วยวัตถุที่มีมุมแหลม ซึ่งทำให้เกิดการตัดลึกเข้าไปที่ภายในผิวกระจก ทำมห้ชั้นแรงอัด ( Compressed layer ) ถูกทำลาย จะเป็นสาเหตุที่ทำให้กระจกแตกได้

· ส่วนของกระจกเทมเปอร์ที่มีการพ่นทราย การเจาะรู จะเปราะบางมากกว่าส่วนอื่นๆ

·  เหมาะสำหรับใช้งานในสภาพ ที่เสี่ยงต่อการกระทบกระแทก หรือร้อนจัด หนาวจัด

แพลตฟอร์ม และเครื่องมือสำหรับการออกแบบตกแต่งบ้าน และงานสถาปัตยกรรม
โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ ตั้งแต่ สถาปนิก แบรนด์สินค้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ...

บทความอื่นๆ จากผู้เขียน

โพสต์เมื่อ

การออกแบบ และเลือกใช้วัสดุ
หน้าต่างในงานสถาปัตยกรรม (Window type in architecture)

บทความที่เกี่ยวข้อง

...

โพลสำรวจ

ถาม-ตอบ

Wazzadu.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของคุณ