เหล็กรูปพรรณขึ้นรูปเย็น มีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีคุณสมบัติในการใช้งานอย่างไร (Types of Cold Formed Steel)

เหล็กรูปพรรณขึ้นรูปเย็น (Cold Formed Steel)

เหล็กรูปพรรณขึ้นรูปเย็น คือ เหล็กรีดร้อนที่ผ่านกระบวนกรรมวิธีผลิตโดยการขึ้นรูป รีดลดขนาด พับ ตัด ดัด หรือผ่านกรรมวิธีแปรรูปต่างๆ ที่อุณภูมิในระดับปกติ โดยใช้วัตถุดิบในการผลิตจากเหล็กรีดร้อน เช่น การ์ดเรล เหล็กรางพับ ฯลฯ โดยสามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

ประเภทที่ 1 เหล็กรูปพรรณขึ้นรูปเย็นประเภทท่อเหล็กแบบมีตะเข็บ หรือ ERW Pipe

คือ เหล็กที่ผลิตโดยเริ่มจากการคลี่เหล็กแผ่นม้วน (Uncoiling) แล้วทำการตัดแบ่ง (Slitting) ให้ความกว้างของแผ่นเหล็กมีขนาดที่ใกล้เคียงกับความยาวเส้นผ่านศูนย์กลางและเส้นรอบวงของท่อที่ต้องการม้วน/พับ หลังจากนั้นจะทำการค่อยๆม้วนเหล็กแผ่นให้เป็นทรงกระบอก พับ ขึ้นรูป โดยการขึ้นรูปผ่านลูกรีดหลายแท่นที่อุณหภูมิห้อง เชื่อมบริเวณขอบของเหล็กแผ่นให้ติดกัน โดยใช้การเชื่อมแบบความถี่สูงที่ทำให้เกิดความร้อน แล้วจึงอัดให้ติดกัน

ซึ่งจะได้ท่อเหล็กดำทรงต่างๆ ที่มีเนื้อโลหะส่วนหนึ่งนูนออกมา (Flash) และจะถูกนำไปทำการปาด (Bead Trimming) ออกจากผิวเพื่อให้ได้ผิวที่เรียบเนียน แล้วจึงทำการรีดอีกครั้งที่ Sizing mill เพื่อปรับขนาดอีกเล็กน้อย และเพื่อทำให้ท่อตรงขึ้น เมื่อได้ขนาดท่อเหล็กที่ต้องการแล้ว จึงทำการตัดตามความยาวที่ต้องการ

กระบวนการผลิตเหล็กรูปพรรณขึ้นรูปเย็นประเภทท่อเหล็กแบบมีตะเข็บ หรือ ERW Pipe

รูปภาพประกอบจาก : www.cotcometalworks.co.th

ประเภทที่ 2 เหล็กแผ่นม้วนรีดเย็น

คือ เหล็กที่ผลิตโดยการขึ้นรูปจากวัตถุดิบเหล็กแผ่นชนิดรีดร้อนที่มีอุณหภูมิปกติ เหล็กแผ่นม้วนจะถูกทำให้เคลื่อนตัวผ่านเครื่องกำจัดสนิมเหล็กเพื่อให้สนิมมีผิวแตก และง่ายต่อการกัดกรด เหล็กแผ่นที่ผ่านการกัดกรดขจัดสนิมแล้วจะมีสีขาวเทา ซึ่งจะผ่านเครื่องตัดขอบเพื่อให้ขอบเรียบ และลดการฉีกขาดจากขอบของเหล็ก เหล็กที่ผ่านการตัดขอบแล้วจะถูกนำไปรีดเย็นต่อเพื่อลดขนาดความหนาลง โดยการรีดเย็นจะทำที่อุณหภูมิห้อง (แตกต่างจากเหล็กแผ่นรีดร้อนที่จะรีดเหล็กด้วยอุณหภูมิสูงกว่า 870 °C)

และอาจมีการอบด้วยความร้อนอีกครั้งเพื่อให้เนื้อเหล็กคลายความเครียดลง เหล็กที่ผ่านการอบแล้วจะผ่านการรีดเย็นอีกเล็กน้อย โดยความหนาแทบไม่เปลี่ยนแปลง เพื่อปรับความเรียบ คุณภาพผิว และขจัดการยืดตัว ณ จุดคราก ซึ่งจะช่วยให้เหล็กแผ่นแปรรูปได้อย่างสม่ำเสมอยิ่งขึ้น

จากนั้นจะเป็นการแปรรูปโดยการพับแผ่นเหล็กให้มีหน้าตัด และรูปทรงตามที่ต้องการ ซึ่งการนำเหล็กแผ่นมาพับหรือม้วนนั้นจะต้องมีการเชื่อมเหล็กเข้าด้วยกัน และต้องมีการตรวจสอบรอยเชื่อมดังกล่าว จัดเป็นกรรมวิธีที่ทำให้เกิด Strain-Hardening ในเหล็ก และทำให้เหล็กมีกำลัง และความแข็งของผิวต่อการกดสูงขึ้นมากกว่าเหล็กรูปพรรณรีดร้อน แต่จะมีผลทำให้ความเหนียวของเหล็กลดลง

ผลิตภัณฑ์เหล็กรูปพรรณขึ้นรูปเย็นที่นิยมใช้ในงานก่อสร้าง และงานสถาปัตยกรรม

ประกอบด้วย

  • ท่อเหล็กดำ (Carbon Steel Tubes)
  • ท่อเหล็กชุบสังกะสี (Galvanized Steel Pipes)
  • ท่อสังกะสี (Pre-Zinc)
  • เหล็กตัวซี (Light Lip Channel)
  • ท่อเหล็กเชื่อมแนวตะเข็บเกลียว (Spiral pipe) 
  • เหล็กฉากพับ (Cold Formed Channel)

  • ท่อสังกะสีพรีซิงค์

    โครงสร้าง เหล็ก

    ราคาเริ่มต้น 39.50 บาท/กิโลกรัม

    Online
  • ท่อเหล็กตะเข็บเกลียว

    งานระบบประปา ท่อประปา

    ราคาเริ่มต้น 30 บาท/กิโลกรัม

    Online
  • ท่อเหล็กชุบสังกะสี

    โครงสร้าง เหล็ก

    ราคาเริ่มต้น 35 บาท/กิโลกรัม

    Online
  • ท่อเหล็กดำ เหล็กกล่อง

    โครงสร้าง เหล็ก

    ราคาเริ่มต้น 35 บาท/กิโลกรัม

    Online
  • เหล็กโครงสร้างรูปพรรณตัวซี มอก.

    โครงสร้าง เหล็ก

    ราคาเริ่มต้น 33.50 บาท/กิโลกรัม

    Online

ข้อมูลคุณสมบัติของเหล็กรูปพรรณขึ้นรูปเย็นแต่ละประเภท

ท่อเหล็กดำ (Carbon Steel Tubes)

เหล็กชนิดนี้ผลิตขึ้นจากเหล็กกล้าแผ่นคุณภาพสูง โดยเริ่มจากการคลี่เหล็กแผ่นม้วนแล้วตัดแบ่งให้ได้ขนาดความกว้างของแผ่นเหล็กใกล้เคียงกับความยาวของเส้นรอบวงที่ต้องการ จากนั้นจะม้วนเหล็กแผ่นให้เป็นทรงกระบอกด้วยลูกรีดในอุณหภูมิห้อง

ต่อด้วยการเชื่อมขอบเหล็กแบบความถี่สูง โดยอาศัยความต้านทานไฟฟ้า (Electric Resistance Welding, ERW) เพื่อให้เกิดความร้อนแล้วจึงอัดติดกันพร้อมการปาดเนื้อโลหะที่นูนออกมาออกจากพื้นผิวแล้วรีดปรับขนาด และทำให้ท่อตรงขึ้น จากนั้นจึงตัดตามความยาวที่ต้องการ

ท่อเหล็กดำ มีหน้าตัดที่นิยมใช้ 3 รูปแบบ ได้แก่ หน้าตัดท่อกลม หน้าตัดท่อเหลี่ยม และหน้าตัดท่อแบน

เหล็กท่อกลม จะมีลักษณะพื้นที่ภาคตัดขวางเป็นรูปกลม เป็นท่อเหล็กที่มีน้ำหนักเบาตะเข็บเรียบ มีความแข็งแรงทนทาน และมีความสามารถในการรับแรงดันได้สูง

เหล็กท่อกลมนิยมนำไปใช้ในงานโครงสร้างสถาปัตยกรรม เช่น เสาขนาดใหญ่ ,ส่วนประกอบโครงถัก ,โครงสร้างหลังคาขนาดใหญ่ รวมไปถึงงานระบบอาคารบางส่วน เช่น ท่องานระบบดับเพลิง ท่อระบบน้ำหล่อเย็น เป็นต้น

ขนาดที่นิยมนำไปใช้งาน

จะมีขนาดตั้งแต่ 25 mm. (1”), 40 mm.(1-1/2) ,50 mm.(2”) ,65 mm. (2-1/2),80 mm. (3”) ,90 mm. (3-1/2) ,100 mm. (4”), 125 mm. (5”),150 mm.(6”) และ 200 mm. (8”)

เหล็กท่อเหลี่ยม จะมีลักษณะพื้นที่ภาคตัดขวางเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสข้างในกลวง มีมิติเป็นมุมฉาก 90 องศา ไม่มน พื้นผิวเรียบสม่ำเสมอ มีคุณสมบัติแข็งแรงทนทาน และมีน้ำหนักเบา นิยมนำไปใช้ในงานโครงสร้างขนาดเล็ก และขนาดกลาง เช่น เสา,นั่งร้าน หรืองานเฟอร์นิเจอร์เหล็กแบบบิวท์อิน เป็นต้น

ขนาดที่นิยมนำไปใช้งาน

จะมีขนาดตั้งแต่ 25×25 mm. ,38×38 mm. ,50×50 mm. ,75×75 mm. ,90×90 mm. ,100×100 mm. ,125×125 mm. ,150×150 mm. ,200×200 mm. และ 250×250 mm.

เหล็กท่อแบน จะมีลักษณะพื้นที่ภาคตัดขวางเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าข้างในกลวง พื้นผิวเรียบสม่ำเสมอ มีคุณสมบัติแข็งแรงทนทาน และมีน้ำหนักเบา นิยมนำไปใช้ในงานโครงสร้างขนาดเล็ก เช่น เสา ,นั่งร้าน ,ประตู ,หน้าต่าง ,วงกบ ,โครงผนังเบา หรือแปพื้น-หลังคาขนาดเล็ก เป็นต้น

ขนาดที่นิยมนำไปใช้งาน

จะมีขนาดตั้งแต่ 50×25 mm. ,60×30 mm. ,75×45 mm. ,90×45 mm. ,100×50 mm. ,125×50 mm. ,150×50 mm. ,150×100 mm. และ 200×100 mm.

มาตรฐานการผลิตท่อเหล็กดำ 

ท่อเหล็กดำสามารถนำในไปใช้ในงานก่อสร้างได้อย่างหลากหลาย โดยสามารถแบ่งออกได้ 2 รูปแบบหลักๆ ดังนี้

1. การนำไปใช้ในงานโครงสร้าง และตกแต่ง เช่น ท่อดำงานโครงหลังคาสนามกีฬา ราวกันตก ราวมือจับขั้นบันได รั้ว ฯลฯ จะต้องได้รับมาตรฐานการผลิตระดับสากล ได้แก่ 

- มอก.107

- มอก. 276

- BS 1387 (withdrawn)

- JIS G3444

- JIS G3452 (SGP)

- ASTM A500

- AS 1163

- EN 10219

2. การนำไปใช้ในงานระบบที่มีแรงดันน้ำและของเหลว เช่น ท่อน้ำ ท่องานระบบดับเพลิง ท่อระบบน้ำหล่อเย็น และท่อสำหรับระบบท่อหล่อเลี้ยง เป็นต้น จะต้องได้รับมาตรฐานการผลิตระดับสากล ได้แก่ 

- มอก.276

- มอก.427

- JIS G3452

- ASTM A53

- EN 10255

- DIN 2440

- UL 852 Standard for Safety for Metallic Sprinkler Pipe for Fire Protection Service

ท่อเหล็กชุบสังกะสี (Galvanized Steel Pipe) 

คือ เหล็กที่มีลักษณะพื้นที่ภาคตัดขวางเป็นรูปกลม มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าแป๊บน้ำ หรือแป๊บประปา ผลิตโดยการนำเหล็กเหล็กดำม้วน มาผ่านกระบวนขั้นตอนการสลิต ต่อด้วยการขึ้นรูปท่อ และนำลงบ่อชุบสังกะสีที่มีความเข้มข้นไม่น้อยกว่า 98.5% ที่อุณหภูมิสูงถึง 450 °C ซึ่งโดยปกติทั่วไปแล้วความหนาของสังกะสีที่ใช้เคลือบจะอยู่ระดับอย่างน้อย 320 g/m² และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามความหนาของเหล็ก (Based Metal)

ท่อเหล็กชุบสังกะสี Hot-Dip Galvanized Pipe นั้น มีคุณสมบัติหลายประการที่ผู้ใช้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานของตนเองได้ อีกทั้งยังเป็นท่อที่มีความแข็งแรง ทนทาน ทนต่อการกัดกร่อนของสนิมได้ดี จึงทำให้สามารถนำไปใช้งานในพื้นที่ใกล้ทะเล หรือในพื้นที่โรงงานที่มีสภาพกรดด่างสูงได้

ท่อเหล็กชุบสังกะสี มีทั้งแบบปลายเรียบและปลายเกลียว ประเภทที่นิยมใช้ในตลาด ได้แก่ คาดเหลือง คาดน้ำเงิน และคาดแดง

ท่อเหล็กชุบสังกะสีนิยมนำไปใช้ในงานระบบอาคารเป็นส่วน ใหญ่ เช่น งานท่อระบบส่งน้ำประปา ,งานท่อดับเพลิง ,งานท่อสุขาภิบาล และงานท่อสาธารณูปโภคต่างๆ เป็นต้น

ขนาดที่นิยมนำไปใช้งาน

จะมีขนาดตั้งแต่ 15 mm. (1/2”) ,20 mm. (3/4”),25 mm. (1”),32 mm. (1-1/4) ,40 mm. (1-1/2”), 50 mm. (2”), 65 mm. (2-1/2”), 80 mm. (3”), 100 mm. (4”), 125 mm. (5”) และ 150 mm. (6”)

มาตรฐานการผลิตท่อเหล็กชุบสังกะสี

ท่อเหล็กชุบสังกะสีที่นำไปใช้ในการก่อสร้างจะต้องได้รับมาตรฐานการผลิตระดับสากล ได้แก่ 

- BS 1139

- มอก. 276-2562

- ASTM A53 Type E Grade A and Grade B

- UL 852 Standard for Safety for Metallic Sprinkler Pipe for Fire Protection Service

- DIN 2440

- JIS G3452

- BS 1387:1985 (withdrawn)

- BS EN 10255

 

ท่อสังกะสี (Pre-Zinc)

มีชื่อเรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า เหล็กท่อ GI เป็นท่อเหล็กที่ได้จากการนำเหล็กแผ่นไปเคลือบสังกะสี (Galvanized steel sheets) และนำมาผ่านการตัดซอย (Slitting) ให้เป็นแถบตามขนาดที่ต้องการ แล้วจึงทำการม้วนขึ้นรูปให้เป็นทรงท่อ แล้วเชื่อมตะเข็บในแนวตรงโดยอาศัยหลักการของความต้านทานไฟฟ้า (Electric Arc Welding : ERW) และพ่นทั้งแนวเชื่อมภายนอกด้วยลวดสังกะสีหลอมละลาย

ท่อสังกะสี Pre-Zinc นั้น มีคุณสมบัติหลายประการที่ผู้ใช้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานของตนเองได้ อาทิเช่น เป็นท่อที่มีน้ำหนักเบา ทนต่อการกัดกร่อนได้ในระดับพื้นฐานเท่านั้น เหมาะสำหรับการใช้งานในร่ม หรือพื้นที่ ที่มีการกัดกร่อนในระดับที่ไม่สูงมากนัก ไม่ต้องทำสี ประหยัดเวลาในการติดตั้ง และตกแต่ง อีกทั้งยังเป็นท่อที่มีผิวเรียบสม่ำเสมอ เป็นมันวาว เหมาะสำหรับงานที่ต้องโชว์ผิวต่างๆอีกด้วย

ท่อสังกะสี นิยมนำไปใช้ในงานโครงสร้างเบา และงานตกแต่งภายในอาคาร งานในที่ร่ม หรืองานในพื้นที่ ที่มีการกัดกร่อนไม่สูงมาก เช่น งานโครงเบา, งานโครงคร่าว, งานทีบาร์, งานฝ้า, โครงสร้างโซลาฟาร์ม, โครงสร้างเรือนเพาะชำ ฟาร์ม, โครงถัง, ท่อร้อยสายไฟ, และโครงรถเข็น เป็นต้น (ไม่แนะนำในการเอาไปใช้ในงานท่อประปาต่างๆ)

ท่อสังกะสีที่นิยมนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายจะมีลักษณะพื้นที่ภาคตัดขวาง 3 รูปแบบ ได้แก่ท่อกลม ท่อเหลี่ยม และท่อแบน

ขนาดที่นิยมนำไปใช้งาน แบ่งตามรูปแบบหน้าตัดได้ดังนี้

ท่อสังกะสีกลม มีขนาดตั้งแต่ 15 mm. (1/2”) ,20 mm. (3/4”) ,25 mm. (1”) ,32 mm. (1-1/4”), 40 mm. (1-1/2”), 50 mm. (2”), 65 mm. (2-1/2”), 80 mm. (3”), 90 mm. (3-1/2”), 100 mm. (4”), 125 mm. (5”), 150 mm. (6”) และ 200 mm. (8”)

ท่อสังกะสีเหลี่ยม มีขนาดตั้งแต่ : 25×25 mm. ,32×32 mm. ,38×38 mm. ,50×50 mm. ,60×60 mm. ,75×75 mm. ,100×100 mm. และ150×150 mm. 

ท่อสังกะสีแบน มีขนาดตั้งแต่ 50×25 mm. ,60×30 mm. ,75×38 mm. ,100×50 mm. และ 200×100 mm.

มาตรฐานการผลิตท่อสังกะสี 

ท่อสังกะสีที่นำไปใช้ในการก่อสร้างจะต้องได้รับมาตรฐานการผลิตระดับสากล ได้แก่

- มอก.107-2561

- JIS

เหล็กตัวซี (Light Lip Channel)

คือ เหล็กที่มีลักษณะพื้นที่ภาคตัดขวางคล้ายอักษรรูปตัว C เป็นเหล็กที่มีคุณสมบัติแข็งแรง คงทนต่อการกัดกร่อน มีน้ำหนักเบา และมีความยืดหยุ่นสูงในการนำไปใช้งาน โดยเฉพาะงานโครงสร้างขนาดเล็ก และขนาดกลาง แต่ไม่เหมาะกับงานโครงสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องรับน้ำหนักมากๆ

เหล็กตัวซีนิยมนำไปใช้ในงานโครงสร้างขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง เช่น โครง Facade ,โครงสร้างป้าย โฆษณา ,ตงพื้น ,โครงสร้างบันได ,ส่วนประกอบโครงถัก ,แปหลังคา และงานโครงสร้างหลังคาในรูปแบบต่างๆ เป็นต้น

ขนาดที่นิยมนำไปใช้งาน

จะมีความยาวมาตรฐาน 6 เมตร และมีขนาดตั้งแต่ 75x45x15 mm. ,100x50x20 mm. ,125x50x20 mm. และ 150x65x20 mm.

มาตรฐานการผลิตเหล็กตัวซี

เหล็กตัวซีที่นำไปใช้ในการก่อสร้างจะต้องได้รับมาตรฐานการผลิตระดับสากล ได้แก่

- JIS G 3350-2005 : นิยมใช้สำหรับเหล็กท่อไลท์เกจ ท่อเหล็ก

- มอก. 1228-2561

ท่อเหล็กเชื่อมแนวตะเข็บเกลียว (Spiral Pipe) 

คือ เหล็กที่มีลักษณะพื้นที่ภาคตัดขวางเป็นรูปกลม เป็นท่อที่ผลิตโดยการเชื่อมด้วยวิธี Submerged Arc Welding (SAW) ซึ่งจะทำให้ได้แนวเชื่อมที่มีลักษณะขดเป็นวงคล้ายสปริง เมื่อใช้การเชื่อมด้วยวิธีนี้ จะทำให้สามารถผลิตท่อที่มีความยาวมากๆ ได้ รวมทั้งท่อที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่มีความกว้างมากๆ ก็ได้เช่นกัน ส่วนความหนาที่นิยมใช้กันจะประมาณ 4.5 -19.1 มม. ซึ่งท่อเชื่อมแบบ 2 ด้าน จะสามารถทนความดันได้มากกว่าท่อเชื่อมแบบแนวเชื่อมตรง 25% เมื่อเทียบที่ความหนาของผนังท่อเท่ากัน

ท่อเหล็กเชื่อมแนวตะเข็บเกลียวนิยมนำไปใช้กับงานก่อสร้างที่ต้องอาศัยความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ ได้แก่ ท่อสำหรับส่งน้ำดิบ, งานขุดเจาะ, ท่อเข็มพืด, ระบบส่งน้ำที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดใหญ่, ระบบงานชลประทาน, งานเสาเข็มทั้งประเภทชายฝั่งและกลางทะเล, งานโครงสร้างอาคารขนาดใหญ่ หรือท่อระบบน้ำหล่อเย็น เป็นต้น

ขนาดที่นิยมนำไปใช้งาน

จะมีขนาดตั้งแต่  200 mm.(เล็กสุด) - 2100 mm.(ใหญ่สุด)

มาตรฐานการผลิตท่อเหล็กเชื่อมแนวตะเข็บเกลียว

ท่อเหล็กเชื่อมแนวตะเข็บเกลียวที่นำไปใช้ในการก่อสร้าง จะต้องเป็นการผลิตที่เป็นไปตามมาตรฐาน SAW Specification และ Submerged Arc Welding Pipe โดยมีมาตรฐานการผลิตระดับสากล ได้แก่

- BS 534

- ASTM 252

- ASTM A211

- JIS G 3443

- JIS G 3457

- JIS G 3492

- JIS A 5525

- TIS 427-2562

- AWWA C 200

- AWWA C 203

- AWWA C 205

- AWWA C 210

- AWWA C 222

เหล็กฉากพับ (Angel Channel)

คือ เหล็กที่มีลักษณะพื้นที่ภาคตัดขวางคล้ายอักษรรูปตัว L มีพื้นผิวเรียบเหมือนกับเหล็กฉากปกติ (Angle Bar) แต่จะต่างกันตรงที่เหล็กฉากพับจะมีความโค้งมนตรงมุมฉากพับทั้งด้านใน และด้านนอก ถือเป็นเหล็กที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่นในการรับแรงดึงได้ดี

เหล็กฉากพับนิยมนำไปใช้ในงานโครงสร้างขนาดเล็ก และงานตกแต่ง เช่น งานแปหลังคา ,งานโครงคร่าว ,ประตูรั้ว ,งานเฟอร์นิเจอร์เหล็กแบบบิวท์อิน หรือใช้เป็นตัวจบในการตกแต่งเพื่อความสวยงาม เป็นต้น

ขนาดที่นิยมนำไปใช้งาน

จะมีความยาวมาตรฐาน 6 เมตร และมีขนาดตั้งแต่ 30×30 mm. ,40×40 mm. ,50×50 mm. และ 60×60 mm.

ดูเนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเหล็กท่อ เพิ่มเติมได้ที่

แพลตฟอร์ม และเครื่องมือสำหรับการออกแบบตกแต่งบ้าน และงานสถาปัตยกรรม
โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ ตั้งแต่ สถาปนิก แบรนด์สินค้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ...

บทความอื่นๆ จากผู้เขียน

ไอเดียมาใหม่

โพสต์เมื่อ

การออกแบบ และเลือกใช้วัสดุ
Embodied Carbon คืออะไร? และทำไมสถาปนิกต้องใส่ใจ

โพสต์เมื่อ

บทความที่เกี่ยวข้อง

...

โพลสำรวจ

ถาม-ตอบ